แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ที่เป็นความผิดอันยอมความได้นั้นเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายขอถอนฟ้องชั้นฎีกา และศาลฎีกาสั่งอนุญาตแล้วสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไป คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปด้วยในตัว ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างซึ่งให้ลงโทษจำเลยไว้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความแตกต่างขัดกันเองไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี
จำเลยฎีกา
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยไม่คัดค้าน
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่า กรณีความผิดในคดีนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรค 2 และคดีนี้จำเลยต้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำคุก ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าเมื่อศาลฎีกาได้อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 เมื่อสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไป คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปด้วยในตัว ไม่มีผลบังคับต่อไป ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่าง ซึ่งให้ลงโทษจำเลยไว้นั้น
อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ให้จำหน่ายคดี