แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของห้องแถวที่ปลูกอยู่ในที่ดินของผู้อื่นนั้น การเป็นเจ้าของห้องแถวไม่ต้องจดทะเบียนก็ทรงสิทธิเป็นเจ้าของได้ ฉะนั้นการที่มีผู้อื่นเอาห้องแถวนั้นไปขายแก่คนภายนอก แม้การซื้อขายนั้นผู้ซื้อจะสุจริตและสตางค์เสียค่าตอบแทนทำสัญญากันที่อำเภอก็ตาม เมื่อเจ้าของห้องแถวไม่รู้เห็นยินยอมแล้ว ก็้เข้าหลักกฎหมายที่ว่า ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน เจ้าของจึงขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นได้กรณีไม่เข้าตามมาตรา 1299 หรือ 1300
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าที่ดินของนางทุมปลูกห้องแถวชั้นเดียว ๔ ห้อง แล้วให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นหลานเขยเป็นผู้จัดการดูแลแทนและได้นำไม้มาไว้ในห้องแถวเพื่อจำหน่ายแทนโจทก์ ต่อมาภายหลังโจทก์ทราบว่า จำเลยที่ ๑ ได้ขายห้องแถวของโจทก์ ให้แก่จำเลยที่ ๒ เป็นราคา ๑๐๐๐๐ บาท โดยโจทก์หาได้รู้เห็นยินยอมด้วยไม่ จึงขอให้ศาลสั่งทำลายนิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยทั้งสองเสีย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าซื้อไว้โดยสุจริต
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ห้องพิพาท แม้จะเป็นของโจทก์ แต่โจทก์มิได้จดทะเบียนสิทธิเป็นเจ้าของเหนือทรัพย์สินรายพิพาท กรณีต้องบังคับตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐ คือจำเลยที่ ๒ รับโอนมีค่าตอบแทนและสุจริตโจทก์จะเรียกให้เพิกถอนไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐ เป็นเรื่องผู้โอนมีชื่อในทะเบียนมาก่อน ได้จดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้รับโอนไป แต่คดีนี้จำเลยที่ ๑ ไม่มีชื่อในทะเบียนมาก่อนเลย จึงนำมาตรา ๑๓๐๐ มาใช้ไม่ได้ ต้องบังคับตามหลักทั้วไป คือผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน จึง พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายราย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เป็นเจ้าของห้องแถวปลูกอยู่ในที่ดินของผู้อื่น การเป็นเจ้าของห้องแถวไม่ต้องจดทะเบียนก็ทรงสิทธิเป็นเจ้าของได้ และไม่มีบทกฎหมายบังคับให้นำชี้ขึ้นจดทะเบียนไว้ก่อน มาตรา ๑๒๙๙ นี้ประสงค์เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัพย์สินอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ต่างหาก
จึงพิพากษายืน