แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองร่วมกับ จ. และ ว. เป็นหุ้นส่วนร่วมกันจัดสรรที่ดินพร้อมสร้างอาคารพาณิชย์และทาวน์เฮาส์ขายให้แก่ประชาชน โดยใช้ชื่อว่า โครงการหมู่บ้านศรีเมืองทองฯ แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้จดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล และไม่ได้ขออนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ก็ไม่ใช่สาระสำคัญจะบ่งชี้ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะฉ้อโกงโจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 และประชาชน การที่โจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 เข้าจองซื้อที่ดินและบ้านของโครงการดังกล่าว ก็ได้รับการชักชวนจาก จ. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของจำเลยทั้งสองและเป็นการชักชวนกันของโจทก์ร่วมทั้งแปด หาใช่เป็นเพราะเชื่อถือว่าโครงการดังกล่าวจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทั้งจำเลยทั้งสองก็ได้ดำเนินการก่อสร้างทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ไปแล้วบางส่วน และยังดำเนินการแบ่งแยกที่ดินจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอม มีการจัดการสาธารณูปโภคเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมของโครงการ และได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์ให้แก่ผู้ซื้อบางส่วนแล้ว แม้ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่สามารถก่อสร้างทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ตามโครงการและโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 ได้ครบตามสัญญาทุกรายก็เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นจำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 341, 83 และให้ร่วมกันคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 เป็นเงิน 270,000 บาท ผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 760,000 บาท ผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 760,000 บาท ผู้เสียหายที่ 4 เป็นเงิน 190,000 บาท ผู้เสียหายที่ 5 เป็นเงิน 190,000 บาท ผู้เสียหายที่ 6 เป็นเงิน 170,000 บาท ผู้เสียหายที่ 7 เป็นเงิน 600,000 บาท และผู้เสียหายที่ 8 เป็นเงิน 1,000,000 บาท
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายทั้งแปดยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต โดยเรียกผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 8 ว่าโจทก์ร่วมที่ 1 ถึงที่ 8 ตามลำดับ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งแปดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
โจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 อนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยทั้งสอง นายจิวทง และนายวิชัย เป็นหุ้นส่วนร่วมกันจัดสรรที่ดินโฉนดเลขที่ 16843 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร แบ่งเป็นแปลงย่อย เนื้อที่แปลงละ 18 ตารางวา พร้อมสร้างอาคารพาณิชย์และทาวน์เฮาส์ขายแก่ประชาชนใช้ชื่อว่าโครงการหมู่บ้านศรีเมืองทองจัดสรรบ้านและที่ดิน แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้จดทะเบียนบริษัทศรีเมืองทองบ้านและที่ดิน จำกัด เป็นนิติบุคคลและขออนุญาตจัดสรรต่อทางราชการ ก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะบ่งชี้ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะฉ้อโกงโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ 5 และประชาชน การที่โจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 เข้าจองซื้อที่ดินและบ้านของโครงการดังกล่าวต่างก็ได้รับการชักชวนจากนายจิวทง หุ้นส่วนของจำเลยทั้งสองรวมทั้งการชักชวนกันของโจทก์ร่วมทั้งแปดเพราะโจทก์ร่วมบางคนสนิทสนมกับนายจิวทงมาก่อน หาใช่เป็นเพราะเชื่อถือว่าโครงการดังกล่าวจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทั้งการที่จำเลยทั้งสองไม่ได้ขออนุญาตจากทางราชการให้ดำเนินการจัดสรรที่ดิน ก็ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าจะมีเจตนาทุจริตเพราะจำเลยทั้งสองได้ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อย ๆ ทั้งจำเลยทั้งสองได้ดำเนินการก่อสร้างทาวน์เฮาส์แล้วเสร็จไปบางส่วนแล้ว แม้จะยังแล้วเสร็จไม่ทั้งหมด และอาคารพาณิชย์ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ก็ได้ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมเพื่อใช้เป็นทางร่วมกันของโครงการและก่อสร้างเป็นถนนทำทางระบายน้ำ บ่อบำบัดน้ำเสียและสิ่งจำเป็นอื่นเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันของโครงการ มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและทาวน์เฮาส์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จบางส่วนให้แก่ผู้ซื้อ เมื่อต่อมาปรากฏว่าจำเลยทั้งสองไม่สามารถก่อสร้างทาวน์เฮาส์และอาคารพานิชย์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ตามโครงการ และโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์หรืออาคารพาณิชย์ให้แก่ผู้ซื้อรวมทั้งโจทก์ร่วมที่ 2 และที่ 5 ได้ครบตามสัญญาทุกรายก็เป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งแปดไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนากระทำผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน.