คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4373/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยมีหลักฐานแสดงว่าได้ไม้มาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ เมื่อจำเลยมีไม้สักแปรรูปนั้นไว้ในครอบครองโดยมิใช่เพื่อการค้า จึงไม่ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เพราะเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา 50(3) จำเลยไม่มีความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48 วรรคแรก,73 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 7, 48, 73, 74 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 48 วรรคแรก, 73 วรรคสอง, 74 จำคุก 2 ปีคำรับของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “รับฟังได้ว่า ไม้สักแปรรูปของกลางเป็นส่วนหนึ่งของไม้ในกิจการโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรของนายประยูรมาก่อน โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าไม้สักในกิจการแปรรูปไม้ของนายประยูรนั้นเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กลับปรากฏจากคำเบิกความของนายสมนึกและนายอุระชาติพยานโจทก์ว่านายสมนึกและนายอุระชาติต่างเคยไปที่โรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรของนายประยูร แต่ไม่เคยพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้มาก่อน ดังนั้น คำพยานจำเลยดังกล่าวที่ว่านายประยูรซื้อไม้สักที่ถูกต้องตามกฎหมายจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มาใช้ในกิจการโรงงานแปรรูปไม้โดยเครื่องจักรของนายประยูรจึงมีเหตุผลรับฟังได้เพราะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ พ.ศ. 2499มาตรา 4 ไม้สักขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ที่ขายให้แก่นายประยูรย่อมเป็นไม้ที่ชอบด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ กรณีดังวินิจฉัยถือได้ว่า ที่จำเลยมีไม้สักแปรรูปของกลางไว้ในครอบครองนั้น จำเลยมีหลักฐานแสดงว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติป่าไม้ฯแล้ว เมื่อจำเลยมีไม้สักแปรรูปนั้นไว้ในครอบครองโดยมิใช่เพื่อการค้า จึงไม่ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เพราะเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 50(3) ซึ่งบัญญัติว่า “บทบัญญัติแห่งมาตรา 48 มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้
(1)
(2)
(3) การมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองที่มิใช่เพื่อการค้า โดยมีหลักฐานแสดงว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัตินี้” จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคแรก, 73 วรรคสองไม้สักแปรรูปของกลางจึงมิใช่ไม้อันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ที่จะริบได้ให้คืนแก่จำเลยเสียคดีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาในข้ออื่นอีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ลงโทษจำเลยต้องกันมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ให้คืนไม้สักแปรรูปของกลางแก่จำเลย

Share