คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฎีกาปัญหาข้อกฎหมายนั้น ผู้ฎีกาจะต้องอ้างอิงยกข้อกฎหมายขึ้นกล่าวด้วยว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใดเพียงแต่กล่าวว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเหตุผลเฉยๆ เท่านั้นไม่เป็นข้อกฎหมายอันศาลฎีกาจะพึงวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย จำเลยค้างค่าจ้างแก่โจทก์โจทก์จึงฟ้อง ขอให้จำเลยชำระค่าจ้างที่ค้าง 650 บาท กับดอกเบี้ย

จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้เอาเงินและสิ่งของของจำเลยไปบ้างแล้วคงค้างเพียง 168 บาท

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยค้างชำระเพียง 440 บาท จึงพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 440 บาท แก่โจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระเพียง 168 บาท

โจทก์ฎีกา โดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นผู้พิจารณาได้สั่งในคำร้องขอฎีกาข้อเท็จจริงว่า คดีมีเหตุสมควรที่โจทก์จะฎีกาได้ และสั่งในฟ้องฎีกาว่า คดีมีปัญหากฎหมายว่า สมุดบัญชีที่จำเลยทำไว้เป็นการส่วนตัวและลับหลังโจทก์ จะพึงรับฟังได้เพียงไร และจะนำมาหักกลบลบหนี้กับฝ่ายโจทก์ได้หรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องฎีกาของโจทก์หาได้มีข้อความเป็นข้อกฎหมายดังที่ศาลชั้นต้นสั่งในฟ้องฎีกาไม่คงมีข้อความตอนหนึ่งว่า “การที่จำเลยนายจ้าง ได้จดรายการตามอำเภอใจด้วยตนเองโดยไม่มีฝ่ายลูกจ้างรับเอง โดยมีใบรับหรือลงชื่อกำกับไว้นั้น เป็นการถูกต้องใช้ได้ก็ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายและเหตุผล” นั้น หาได้กล่าวไม่ว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใด จึงไม่เป็นข้อกฎหมายอันจะพึงวินิจฉัย ส่วนข้อเท็จจริงเห็นชอบตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน

Share