คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายอายุ 14 ปี ไปจากบิดาและพักค้างคืนตามโรงแรมในสถานที่ต่าง ๆ หลายคืนติดต่อกัน บางคืนจำเลยที่ 1 ก็พักห้องเดียวกับผู้เสียหายและได้กระทำชำเราผู้เสียหายด้วยนั้น ถือได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายจะเต็มใจไปด้วยก็ไม่พ้นผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองพรากเด็กหญิงชลธิราอายุ ๑๔ ปีผู้เสียหายไปเสียจากนายชลอบิดา เพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยและจำเลยที่ ๑ ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ๑ ครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๓๑๙, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้เสียหายสมัครใจไปเที่ยวกับจำเลยกับพวก และยอมให้จำเลยที่ ๑ กระทำชำเรา ไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร แต่จำเลยที่ ๑ ไม่ผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา ๓๑๙
จำเลยที่ ๑ ฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายอายุ ๑๔ ปี อยู่กับนายชลอบิดา วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๑๙ จำเลยทั้งสองและนายพีระพลซึ่งรู้จักผู้เสียหายมาก่อน พาผู้เสียหายไปดูหนัง หนังเลิกผู้เสียหายไม่ยอมกลับบ้าน จำเลยกับพวกและนายพีระพลจึงพาผู้เสียหายไปค้างที่โรงแรมหลายแห่งในสถานที่ต่าง ๆ หลายคืนติดต่อกัน บางคืนจำเลยที่ ๑ ก็นอนห้องเดียวกับผู้เสียหายและได้กระทำชำเราผู้เสียหายด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับพวกพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจารแล้ว แม้ผู้เสียหายสมัครใจไปกับจำเลยก็เห็นได้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่เกิน ๑๘ ปี จำเลยที่ ๑ จึงหาพ้นผิดไม่ พิพากษายืน

Share