คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือสัญญาการประมูลเงินแชร์ มีมูลกรณีเนื่องมาจากการเล่นแชร์อันเป็นมูลหนี้อย่างหนึ่งซึ่งบับคับกันได้ แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นเรื่องกู้เงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 จึงไม่อาจบังคับจำเลยตามมูลหนี้ดังกล่าวได้ เพราะการเล่นแชร์เปียหวย ไม่เป็นการกู้ยืม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยืมเงินโจทก์ 20,000 บาท สัญญาว่าจะชำระคืนภายใน4 เดือน หากถึงกำหนดไม่ชำระยอมให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาท้ายฟ้อง จำเลยค้างชำระดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 4,841 บาท 66 สตางค์ รวมต้นเงินจึงเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ 24,841 บาท 66 สตางค์ ให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน20,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์

จำเลยให้การว่า สำเนาเอกสารท้ายฟ้องเป็นสัญญาการประมูลแชร์ หาใช่หลักฐานการกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ไม่ แม้จะฟังว่าเป็นการประมูลเงินแชร์ก็ขัดกับวัตถุประสงค์ของโจทก์ ความจริงจำเลยกับพวกร่วมกันเล่นแชร์โดยอาศัยสถานที่และเอกสารต่าง ๆ ในนามของโจทก์ เสียค่าบริการให้โจทก์ครั้งละ 5 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ผู้ประมูลได้รับจำเลยประมูลแชร์ได้รับเงินไปแล้ว และทำสัญญาให้โจทก์ไว้ตามสำเนาท้ายฟ้องต่อมาจำเลยได้ชำระค่าแชร์เสร็จสิ้นแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ฯลฯ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า หลักฐานตามเอกสารหมาย จ.1 ที่โจทก์นำมาฟ้องมีข้อความชัดเจนแล้วว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ตามเอกสารนั้น

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารหมาย จ.1 (สัญญาการประมูลเงินแชร์) มีมูลกรณีเนื่องจากการเล่นแชร์ อันเป็นมูลหนี้อย่างหนึ่งซึ่งบังคับกันได้แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นเรื่องกู้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ศาลฎีกาไม่อาจบังคับจำเลยตามมูลหนี้ดังกล่าวได้เพราะการเล่นแชร์เปียหวยไม่เป็นการกู้ยืม ฯลฯ

พิพากษายืน ฯลฯ

Share