คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4356/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ดำเนินคดีแก่จำเลย หนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นจำเลยมิได้ต่อสู้โดยตรงว่า โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเลขที่… ที่ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเลขที่ใบขนสินค้าในหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดจึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้การแก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรที่ต้องชำระในใบขนสินค้ากับใบกำกับสินค้าให้สูงขึ้นจากเดิมจะเป็นการกระทำของโจทก์เองมิใช่เป็นการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยก็ตาม แต่การแก้ดังกล่าวก็เป็นการแก้ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งให้โจทก์กระทำ หากโจทก์ไม่แก้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยก็คงไม่ตรวจปล่อยสินค้าพิพาทจากอารักขามอบให้โจทก์ไป ทั้งโจทก์ก็ได้สงวนสิทธิโต้แย้งราคาสินค้าในส่วนที่เพิ่มขึ้นไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าดังกล่าว แสดงว่าโจทก์มิได้แก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรด้วยความสมัครใจหรือเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย การยอมแก้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการแก้ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ประเมินแล้ว เมื่อโจทก์ได้ชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามการประเมินนั้นแล้วมาอ้างว่าได้ชำระเกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมาย ขอเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินภาษีอากรดังกล่าวให้อันเป็นการโต้แย้งผลการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย โจทก์จึงต้องอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้วินิจฉัยเสียก่อนว่าโจทก์เสียภาษีอากรไว้เกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยและมีคำสั่งแล้ว โจทก์จึงจะอุทธรณ์ต่อศาลหรือนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้ตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 30 บัญญัติไว้ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำสินค้าเหล็กแผ่นจากประเทศสิงคโปร์เข้ามาในราชอาณาจักรรวม 3 เที่ยวเรือ โดยสำแดงราคาสินค้าดังกล่าวและยื่นเสียอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลต่อจำเลยแต่จำเลยไม่พอใจราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ และแจ้งประเมินให้โจทก์เพิ่มราคาสินค้า ทำให้โจทก์ต้องชำระภาษีอากรดังกล่าวเกินไปทั้งสิ้น 143,105 บาท ในการเพิ่มราคาสินค้าและชำระเงินค่าภาษีอากรดังกล่าว โจทก์ไม่เห็นด้วย โดยได้บันทึกสงวนสิทธิการอุทธรณ์เรียกคืนไว้ที่ด้านหลังใบขนสินค้า และได้อุทธรณ์การประเมิน แต่ไม่ได้ผลตามที่โจทก์อุทธรณ์ ราคาสินค้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยถือเป็นเกณฑ์ประเมินมิใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด แต่ราคาที่โจทก์สำแดงไว้เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ขอให้พิพากษาว่า การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้จำเลยคืนเงิน 143,105 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า นายสงวน ทองไทย ไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยและหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาว่า ราคาสินค้าที่โจทก์ซื้อมาและสำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าตามฟ้องเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้จำเลยคืนเงินค่าอากรขาเข้าจำนวน 83,382 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ปัญหาแรกตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้โดยชอบหรือไม่ ในข้อนี้จำเลยอุทธรณ์ว่า ตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง โจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเลขที่111-40644 และ 101-43880 มิได้มอบอำนาจให้ฟ้องตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเลขที่ 121-42780 และ 121-43410ที่พิพาทในคดีนี้ โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอแก้ไขเลขที่ใบขนสินค้าในหนังสือมอบอำนาจจากเลขที่ 111-40644 และ 101-43880 เป็นเลขที่121-42780 และ 121-43410 ที่ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้โจทก์แก้ไขจึงเป็นการมิชอบ เห็นว่า ในข้อนี้จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ดำเนินคดีแก่จำเลย หนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จำเลยมิได้ต่อสู้โดยตรงว่าโจทก์มิได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเลขที่ 121-42780 และ 121-43410 ที่ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเลขที่ใบขนสินค้าในหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดจึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางในปัญหาข้อนี้จึงชอบแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง คดีฟังได้ว่าสินค้าพิพาททั้งสามเที่ยวมีราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามที่โจทก์ได้สำแดงไว้ในตอนแรก การให้เพิ่มราคาสินค้าของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงมิชอบ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาในปัญหาข้อนี้ชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ปัญหาสุดท้ายมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลโดยไม่จำต้องอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า แม้การแก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรที่ต้องชำระในใบขนสินค้ากับใบกำกับสินค้าทั้งสามเที่ยวที่พิพาทให้สูงขึ้นจากเดิมจะเป็นการกระทำของโจทก์เอง มิใช่เป็นการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยก็ตาม แต่การแก้ดังกล่าวก็เป็นการแก้ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งให้โจทก์กระทำหากโจทก์ไม่แก้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยก็คงไม่ตรวจปล่อยสินค้าพิพาทจากอารักขามอบให้โจทก์ไป ทั้งโจทก์ก็ได้สงวนสิทธิโต้แย้งราคาสินค้าในส่วนที่เพิ่มขึ้นไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าดังกล่าว แสดงว่าโจทก์มิได้แก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรด้วยความสมัครใจหรือเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย การยอมแก้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการแก้ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ประเมินแล้ว เมื่อโจทก์ได้ชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามการประเมินนั้นแล้วมาอ้างว่าได้ชำระเกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมาย ขอเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินภาษีอากรดังกล่าวให้อันเป็นการโต้แย้งผลการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย โจทก์จึงต้องอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้วินิจฉัยเสียก่อนว่าโจทก์เสียภาษีอากรไว้เกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยและมีคำสั่งแล้ว โจทก์จึงจะอุทธรณ์ต่อศาลหรือนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้ตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 30 บัญญัติไว้ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลได้
พิพากษายืน

Share