คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4355/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยอ้างว่ามูลหนี้ตามฟ้องเป็นการที่จำเลยได้กระทำไปในฐานะตัวแทนของบริษัท ช. และ บริษัท ป. จำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวต่อโจทก์ คำร้องของจำเลยที่ขอให้เรียกบริษัททั้งสองเข้ามาเป็นจำเลยร่วมย่อมเข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (3) (ก) เนื่องจากเป็นการขอให้ศาลหมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีโดยอ้างว่าถ้าหากศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามฟ้อง จำเลยในฐานะตัวแทนย่อมฟ้องบุคคลภายนอกซึ่งเป็นตัวการเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปลายเดือนมกราคม 2540 จำเลยสั่งซื้อรถพ่วงเต้าปูน รถเต้าปูนและระบบลากจูงไปจากโจทก์เป็นเงิน 688,000 บาท แล้วไม่ชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 777,769 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 688,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การสั่งติดตั้งเต้าปูนและใส่ระบบลากจูงของจำเลย เป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัด และบริษัทปูนเชียงราย จำกัด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัด และบริษัทปูนเชียงราย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม เนื่องจากหากศาลพิพากษายกฟ้องจำเลย โจทก์ก็จะสามารถฟ้องเอากับบริษัททั้งสองดังกล่าวในฐานะตัวการได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำแถลงโต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นคำโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 688,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้หมายเรียกบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัด และบริษัทปูนเชียงราย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งให้หมายเรียกบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัด และบริษัทปูนเชียงราย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องของจำเลยชอบหรือไม่ เห็นว่า ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัด และบริษัทปูนเชียงราย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม โดยอ้างว่ามูลหนี้ตามฟ้องที่เกิดจากการติดตั้งเต้าปูนและใส่ระบบลากจูงเป็นรถพ่วงเต้าปูนที่จำเลยทำกับโจทก์นั้นจำเลยได้กระทำไปในฐานะตัวแทนของบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัด และบริษัทปูนเชียงราย จำกัด จำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวต่อโจทก์ ดังนี้ คำร้องของจำเลยดังกล่าวย่อมเข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (3) (ก) เนื่องจากเป็นอันเข้าใจได้ว่า เป็นการขอให้ศาลหมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีโดยอ้างว่า ถ้าหากศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามฟ้อง จำเลยให้ฐานะตัวแทนย่อมฟ้องบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัด และบริษัทปูนเชียงราย จำกัด ซึ่งเป็นตัวการเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้หมายเรียกบริษัทเชียงรายคอนกรีต จำกัดและบริษัทปูนเชียงราย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงชอบแล้ว กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share