คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4355/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เดิมศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น หากจำเลยติดใจอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางภายใน 10 วัน จำเลยฎีกาพร้อมทั้งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ในชั้นฎีกาด้วยศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาและอนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินได้ตามคำร้องต่อมาศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งเป็นไม่รับฎีกา แต่มิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ซึ่งขณะนั้นล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว ดังนี้เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใหม่ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระได้ เพราะเป็นอำนาจศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินการพิจารณา และการกำหนดเวลาดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 เมื่อจำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้ว จึงชอบที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์และสั่งว่าหากจำเลยทั้งสองยังติดใจอุทธรณ์ก็ให้นำค่าขึ้นศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วัน หลังจากฟังคำพิพากษาและคำสั่งดังกล่าวจำเลยทั้งสองได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยื่นเมื่อวันที่7 ตุลาคม 2530 และขอขยายเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลซึ่งจะต้องวางตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ไปจนกว่าศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสองศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาและอนุญาตให้ขยายเวลา ต่อมาเมื่อวันที่28 ตุลาคม 2530 ศาลชั้นต้นตรวจพบว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยทั้งสองเป็นไปโดยผิดหลงด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้ายจึงเพิกถอนคำสั่งและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฎีกา ครั้นวันที่ 29ธันวาคม 2530 จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องว่า ยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองวางเงินค่าขึ้นศาล และมีคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองต่อไปศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยทั้งสองขอวางเงินเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์แล้ว และไม่อาจขยายกำหนดเวลาให้ได้ ให้ยกคำร้องจำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นหากจำเลยทั้งสองยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าศาลอุทธรณ์มีอำนาจกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมให้แก่จำเลยทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า ในชั้นที่จำเลยทั้งสองฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้น จำเลยทั้งสองได้ขอขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมไว้ในระหว่างฎีกา และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอนุญาตแล้ว ครั้นต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนเป็นไม่รับฎีกาแต่ก็หาได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์อีกไม่ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว การที่จำเลยทั้งสองผู้อุทธรณ์มายื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใหม่ จึงชอบที่จะทำได้ และศาลย่อมมีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระได้เช่นเดียวกัน คำสั่งดังกล่าวเป็นการกำหนดเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินการพิจารณาโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ การกำหนดระยะเวลาดังกล่าวก็มิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23อันจะทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและจะต้องทำก่อนสิ้นระยะเวลานั้นดังที่ศาลชั้นต้นมีความเห็นไม่ เกี่ยวกับคดีนี้จำเลยทั้งสองยังติดใจอุทธรณ์อยู่และศาลอุทธรณ์ได้กำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระแล้ว เช่นนี้จะถือว่าคดีถึงที่สุดแล้วดังที่โจทก์ฎีกาหาได้ไม่ เมื่อจำเลยทั้งสองได้นำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์พร้อมกับค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้วจึงชอบที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กำหนดเวลาวางเงินให้จำเลยทั้งสองชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share