คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปู่ร่วมซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกับผู้อื่นคนละครึ่งภายหลังปู่ย่าและบิดาถึงแก่กรรมหมด คงเหลือแต่หลานเป็นทายาท หลานย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินนั้นครึ่งหนึ่งได้
ในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้ฝ่ายใดนำสืบก่อนแล้วฝ่ายนั้นไม่ยื่นคำโต้แย้งคำสั่งนั้นตามมาตรา 226(2) แล้ว ก็หมดสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 ไม่ได้ห้ามมิให้คนต่างด้าวมีที่ดินเสียทีเดียวและการที่มีที่ดินมาก่อนแล้ว ไม่ได้ไปจดทะเบียนก็ไม่เป็นเหตุให้ที่ดินของเขาตกไปเป็นของคนอื่น

ย่อยาว

ได้ความว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2471 จำเลยไปทำสัญญาซื้อที่ดินรายพิพาทที่อำเภอ จากนางจูเบียจะ เป็นเงิน 300 บาท ต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน 2477 จำเลยได้ทำหนังสือให้นายกงห้วย ปู่โจทก์ทีอำเภอมีข้อความว่า “ในการซื้อขายที่ดินรายนี้ (หมายถึงที่พิพาท) นายกงห้วยกับนางท้อ (คือจำเลย) ได้รวมทุนกันซื้อคนละ 150 บาท รวมเป็นเงิน 300 บาท ทั้งนี้เพื่อให้เป็นหลักฐาน จึงได้ทำหนังสือฉบับนี้ เพื่อแสดงว่า ผู้ซื้อทั้งสองคนดังกล่าวแล้ว มีส่วนได้ที่ดินรายนี้ร่วมกันเท่านั้น ฯลฯ” ต่อมา นายกงห้วยไปเมืองจีนแล้วถึงแก่กรรมที่เมืองจีน นางกิมกีผู้เป็นภรรยา ซึ่งได้รับมอบสิทธิที่ดินรายนี้ ก็ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2488 นายเป้าผู้เป็นบุตรนายกงห้วย นางกิมกี ก็ถึงแก่กรรม นางสาวไล้จี้ บุตรนายเป้า จึงขอแบ่งที่พิพาทจากจำเลยกึ่งหนึ่ง จำเลยไม่ยอม จึงฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของนายกงห้วยครึ่งหนึ่ง (ตีราคา 3,000 บาท) ซึ่งตกทอดได้แก่โจทก์ในทางมรดก

จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินเป็นของจำเลย แต่ผู้เดียวหนังสือที่จำเลยทำให้ไว้เป็นนิติกรรมอำพราง ความจริงเป็นเรื่องจำเลยกู้เงินนายกงห้วย นายกงห้วยเป็นคนต่างด้าว จะมีกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ได้ ทั้งไม่ได้ไปขอจดทะเบียนสิทธิในที่ดินตามพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของนายกงห้วยกับจำเลยคนละครึ่ง ส่วนของนายกงห้วยได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรม

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังที่กล่าวแล้วตามศาลล่างส่วนข้อกฎหมายที่เรื่องน่าที่นำสืบปรากฏว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยหาได้ยื่นคำโต้แย้งคำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) ไม่ จึงหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกา ในข้อนี้ ข้อที่จำเลยอ้างถึงพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 โดยกล่าวว่าคนต่างด้าวจะมีกรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศไทยไม่ได้ ถ้ามีกรรมสิทธิ์มาก่อนจะต้องขอจดทะเบียน แต่นายกงห้วยหรือทายาทมิได้เคยปฏิบัติดังกล่าวมานี้ เห็นว่า กฎหมายมิได้ห้ามมิให้คนต่างด้าวมีที่ดินเสียทีเดียวและการที่มีที่ดินมาก่อนแล้ว ไม่ได้จดทะเบียน ก็ไม่เป็นเหตุให้ที่ดินของเขาตกไปเป็นของคนอื่น หรือของจำเลย รูปคดีของจำเลยไม่มีทางชนะคดี

พิพากษายืน

Share