แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ผู้จัดการเหมืองแร่ของจำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าพิพาทจากโจทก์นำไปใช้ในกิจการเหมืองแร่ของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 2 จะทำเกินอำนาจตัวแทน แต่การซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ก็ไม่เคยมีหนี้สินติดค้างกันมาก่อน การซื้อขายสินค้าพิพาทนี้มีมูลเหตุทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีอำนาจสั่งซื้อสินค้าพิพาทได้ภายในขอบอำนาจ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระราคาสินค้าพิพาทให้แก่โจทก์ ส่วนเรื่องที่จำเลยที่ 2 ปฏิบัติผิดระเบียบของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องภายในที่จะต้องไปว่ากล่าวกันเอง หาเกี่ยวข้องกับโจทก์ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทรัฐวิสาหกิจประกอบกิจการเหมืองแร่ เหมืองเจิงเจ้ยเป็นเหมืองหนึ่งของจำเลยที่ ๑ มีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการ จำเลยที่ ๓ เป็นหัวหน้าฝ่ายธุรการ และจำเลยที่ ๔ เป็นพนักงานขับรถประจำเหมือง จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ได้ร่วมกันสั่งซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับเหมืองแร่เพื่อไปใช้ในเหมืองเจิงเจ้ยรวม ๙ ครั้ง เป็นเงิน ๑๔๗,๘๐๐ บาท โดยมีจำเลยที่ ๔ เป็นผู้รับของไปจากโจทก์ แล้วไม่ชำระราคา ขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน ๑๖๖,๒๗๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๑๔๗,๘๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ไม่เคยซื้อหรือเคยนำสิ่งของดังฟ้องไปใช้ในกิจการของจำเลยที่ ๑ หากมีการซื้อจริงจำเลยทั้งสามก็กระทำไปในนามส่วนตัว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า เคยลงชื่อสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ ๓ ครั้ง ตามคำสั่งของจำเลยที่ ๒ เพื่อใช้ในกิจการของเหมืองเจิงเจ้ย จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินจำนวน ๑๔๗,๘๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๖ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ สั่งซื้อสินค้าพิพาทจากโจทก์นำไปใช้ในกิจการเหมืองเจิงเจ้ยของจำเลยที่ ๑ และรับมอบสินค้าพิพาทจากโจทก์แล้ว แต่ยังไม่ได้ชำระราคา มีปัญหาว่า จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการเหมืองเจิงเจ้ยของจำเลยที่ ๑ มีอำนาจบริหารกิจการเหมืองแร่ของจำเลยที่ ๑ รวมทั้งการจัดซื้อสิ่งของต่าง ๆ อันเป็นอุปกรณ์การทำเหมืองแร่ไปใช้ในเหมืองแร่เจิงเจ้ย สินค้าพิพาทที่จำเลยที่ ๒ สั่งซื้อก็เป็นชนิดประเภทเดียวกันกับสินค้าที่จำเลยที่ ๑ เคยสั่งซื้อจากโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้ติดต่อค้าขายกับจำเลยที่ ๑ มานาน ๕ – ๖ ปีแล้ว ในทางปฏิบัติจำเลยที่ ๒ มีอำนาจสั่งซื้อสินค้าราคาไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ด้วยเงินสดได้เอง การสั่งซื้อตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึงจำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท ต้องซื้อโดยวิธีสอบราคาโดยจำเลยที่ ๑ มิได้เข้าไปเกี่ยวข้องเพียงแต่มีการตรวจสอบทางบัญชีก่อน แม้จำเลยที่ ๒ จะทำเกินอำนาจตัวแทน แต่การซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ก็ไม่เคยมีหนี้สินติดค้างกันเพิ่งเกิดหนี้สินกันในสินค้าพิพาทนี้เท่านั้น การซื้อขายสินค้ารายพิพาทกันนี้ก็มีมูลเหตุทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ มีอำนาจสั่งซื้อสินค้าพิพาทได้ภายในขอบอำนาจของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดชำระราคาสินค้าพิพาทให้แก่โจทก์ตามฟ้อง ส่วนเรื่องที่จำเลยที่ ๒ ปฏิบัติผิดระเบียบของจำเลยที่ ๑ เป็นเรื่องภายในที่จะต้องไปว่ากล่าวกันเอง หาเกี่ยวกับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๒๖ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์