แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันที่ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ และกำหนดเวลาให้ผู้อุทธรณ์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ศาลได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปกรมบังคับคดีเพื่อรอการนำส่งแล้ว ผู้อุทธรณ์ไม่นำส่ง จึงเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ข้อที่อ้างว่าในทางปฏิบัติอีกฝ่ายจะมารับสำเนาอุทธรณ์จากเจ้าหน้าที่เอง ฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว.(ที่มา-เนติ)
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินให้โจทก์จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ให้ผู้อุทธรณ์นำส่งสำเนาภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ปฏิบัติตาม ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ขอให้ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เพื่อนำส่งแก่โจทก์ อ้างว่ามิได้จงใจจะไม่นำส่ง ในทางปฏิบัติ โจทก์จะมารับจากเจ้าหน้าที่โดยไม่ส่งผ่านกองหมาย ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้อง และให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘เห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ในวันที่ยื่นอุทธรณ์ นอกจากกำหนดเวลาให้ส่งสำเนาอุทธรณ์แล้วและยังมีคำสั่งในทำนองตักเตือนจำเลยไว้ด้วย แต่จำเลยก็ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ทั้งในสำนวนปรากฏว่าสำเนาอุทธรณ์ได้ส่งไปยังกรมบังคับคดีเพื่อรอการนำส่งของจำเลยแล้วข้ออ้างของจำเลยว่า ในทางปฏิบัติ โจทก์มารับสำเนาอุทธรณ์จากเจ้าหน้าที่เองก็เป็นแต่เพียงความเข้าใจของจำเลยเท่านั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น และเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งสำนวนให้ศาลชั้นต้นไต่สวนก่อน การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นการทิ้งอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2)ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว’
พิพากษายืน.