คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+เป็นสังหาริมทรัพย์+เป็นสิ่งทที่จะประเมิน+เสียภาษีการค้า+นำเอาค่ารายปีตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือน+ใช้แก่ พ.ร.บ.การค้าได้ฉะเพาะค่า+ปีของอสังหาริมทรัพย์ เรื่องความรับผิดภาษี+เป็นความแพ่งก็ต้อง+กฎหมายโดยเคร่งรัด จะใช้วิธีแปล+เคียงหรืออนุโลมไม่ได้

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์เช่าท่าน้ำหน้าที่ดินของผู้อื่นจอดแพของโจทก์ทำการขายปลีกสินค้า พนักงานเก็บภาษีได้ประเมินราคาค่าเช่าโดยเทียบกับแพข้างเคียงว่า เป็นค่าเช่าจอดแพเดือนละ ๑๕ บาท ค่าเช่าแพเดือนละ ๑๒ บาท รวมค่าเช่าเดือนละ ๒๑ บาท คิดเป็นเงินภาษี ๑๒ บาท ๙๖ สตางค์ และเรียกเก็บภาษีเพิ่มโดยโจทก์ไม่ชำระภายในกำหนด รวมด้วยกันทั้งหมดเป็นเงิน ๑๕ บาท ๕๕ สตางค์ โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีตาม พ.ร.บ.ภาษีการค้า จึงฟ้องเรียกเงินคืน
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการค้าของจำเลยต้องตามประเภทที่พ.ร.บ.ภาษีการค้าระบุไว้ และเทียบค่ารายปีแพของจำเลยได้กับ พ.ร.บ.ภาษีการค้า ม.๓ โดยกล่าวว่าถึงแม้มาตรานี้กล่าวไว้ฉะเพาะค่ารายปีอสังหาริมทรัพย์ก็นำมาเทียบกันได้ เพราะเป็นคดีแพ่ง จึงพิพากษาว่าโจทก์ต้องเสียภาษี
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพ.ร.บ.ภาษีการค้ามีบทบัญญัติไว้ฉะเพาะค่ารายปีในการให้เรียกเก็บภาษีไว้ฉะเพาะอสังหาริมทรัพย์ มิได้มีบทบัญญัติใดให้ประเมินสังหาริมทรัพย์เป็นค่ารายปีในการให้เรียกเก็บภาษีไว้ด้วยเลย ฉะนั้นแพจึงไม่อยู่ในข่ายถูกประเมินเก็บภาษี และกล่าวต่อไปว่าคดีเรื่องความรับผิดภาษีอากร แม้เป็นความแพ่งก็ต้องแปลกฎหมายโดยเคร่งครัด เมื่อไม่มีบทให้เก็บภาษีโดยตรงแล้ว จะนำบทอื่นมาเทียบเคียงไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้า

Share