แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยบรรยายว่า ทนายจำเลยคนเดิมไม่แจ้งให้จำเลยทราบว่าศาลแรงงานกลางนัดสืบพยาน นัดฟังคำพิพากษาและทนายจำเลยไม่อยู่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ เป็นการอ้างเหตุที่จำเลยขาดนัดพิจารณาว่าเกิดจากจำเลยไม่ทราบกำหนดนัดของศาล
ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมากำหนดวันนัดรับทราบคำสั่งศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว ถึงวันนัด จำเลยไม่มาศาลศาลแรงงานกลางให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ โดยให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบที่หน้าศาลแทนการส่งหมาย ถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาล ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณา แล้วสืบพยานโจทก์จนเสร็จ และพิพากษาคดีไปในวันเดียวกัน การที่ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ มีผลเท่ากับทนายจำเลยทราบกำหนดนัดด้วย ตามข้อความในใบมอบฉันทะที่ระบุว่าให้ผู้รับมอบฉันทะทำการแทนโดยทนายจำเลยยอมรับผิดชอบทุกประการในการกำหนดวันนัด รับทราบคำสั่ง และทนายจำเลยอยู่ในฐานะเป็นจำเลยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 1 (11) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จึงต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เพราะทนายจำเลยไม่แจ้งให้ทราบเพื่อเป็นเหตุขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยทั้งสองจ่ายเงินตามบันทึกข้อตกลงส่วนที่เหลือจำนวนเงิน ๙๕,๔๘๕.๘๔ บาทแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเฉพาะจำเลยที่ ๑ เพราะศาลแพ่งสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ ๑ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๓, ๙๐/๑๐, ๙๐/๑๗ ส่วนจำเลยที่ ๒ขาดนัดพิจารณา แล้วพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ ๒ ไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๙๕,๔๘๕.๘๔ บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างเหตุว่าจำเลยที่ ๒ได้รับทราบคำบังคับของศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๒ จำเลยที่ ๒ไม่ทราบกระบวนพิจารณาการสืบพยานโจทก์ มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ ๒ไม่ทราบผลคำพิพากษาและผลคำบังคับมาก่อนเลยเนื่องจากทนายจำเลยที่ ๒ คนเดิมมิได้รายงานผลคดีให้ทราบ ไม่แจ้งให้จำเลยที่ ๒ ทราบว่าศาลแรงงานกลางนัดสืบพยานนัดฟังคำพิพากษา อีกทั้งจากการตรวจสำนวนก็ปรากฏว่าทนายจำเลยที่ ๒ ไม่อยู่ในวันสืบพยานโจทก์ และจำเลยที่ ๒ ย้ายภูมิลำเนา หากจำเลยที่ ๒ ทราบการสืบพยานโจทก์และมีโอกาสนำพยานเข้าสืบ คดีจำเลยที่ ๒ มีโอกาสชนะโจทก์ได้ โจทก์ตกลงรอการฟื้นฟูกิจการของจำเลยที่ ๑ ไม่ดำเนินคดีต่อจำเลยที่ ๒ และโจทก์ขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ แล้ว โจทก์จึงต้องรอการชำระหนี้ตามแผนมิใช่บังคับเอาแก่จำเลยที่ ๒
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ไม่อ้างเหตุที่จำเลยที่ ๒ ไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาและไม่ติดตามคดี อันเป็นการไม่แสดงเหตุที่ขาดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ (ที่ถูกอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา)
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๐๘ หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘วรรคสอง บัญญัติให้คำขอเช่นว่านี้ให้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดซึ่งต้องนำมาใช้บังคับแก่คดีนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ ในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ที่บรรยายว่าทนายจำเลยที่ ๒ คนเดิมไม่แจ้งให้จำเลยที่ ๒ ทราบว่าศาลแรงงานกลางนัดสืบพยาน นัดฟังคำพิพากษา และปรากฏในสำนวนว่าทนายจำเลยที่ ๒ ไม่อยู่ในวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น เป็นการอ้างเหตุที่จำเลยที่ ๒ ขาดนัดพิจารณาว่าเกิดจากจำเลยที่ ๒ ไม่ทราบกำหนดนัดของศาลแรงงานกลาง ข้อเท็จจริงในสำนวนที่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้เถียงเป็นอย่างอื่นฟังเป็นยุติว่า นายธีรยุทธ พืชมาก ทนายจำเลยที่ ๒ มอบฉันทะให้นายพิพัฒน์ ตอพิพัฒน์ เสมียนทนายมากำหนดวันนัด รับทราบคำสั่งศาลแรงงานกลางตามใบมอบฉันฑะลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ ในวันนั้นศาลแรงงานกลางกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ซึ่งผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ ๒ ลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ถึงวันนัดจำเลยที่ ๒ ไม่มาศาลศาลแรงงานกลางให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๒ โดยให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ ๒ ทราบ ที่หน้าศาลแทนการส่งหมายตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ถึงวันนัดจำเลยที่ ๒ ไม่มาศาลศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๒ ขาดนัดและขาดนัดพิจารณา แล้วสืบพยานโจทก์จนเสร็จตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๒ และศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีไปในวันเดียวกัน การที่ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ ๒ ลงลายมือชื่อทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ที่จะสืบในวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๒ มีผลเท่ากับทนายจำเลยที่ ๒ ทราบกำหนดนัดด้วยตามข้อความในใบมอบฉันทะที่ระบุว่าให้ผู้รับมอบฉันทะทำการแทนโดยทนายจำเลยที่ ๒ ยอมรับผิดชอบทุกประการในการกำหนดวันนัด รับทราบคำสั่ง และทนายจำเลยที่ ๒ อยู่ในฐานะเป็นจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑ (๑๑) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ ๒ ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วจำเลยที่ ๒ จะอ้างว่าไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์เพราะทนายจำเลยที่ ๒ ไม่แจ้งให้ทราบเพื่อเป็นเหตุขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ จำต้องวินิจฉัยว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๒ อ้างเหตุแห่งความล่าช้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๐๘ หรือไม่
พิพากษายืน.