คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยซึ่งมีอายุ 12 ปี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด 6 ปี แต่อย่าให้เกินกว่าจำเลยมีอายุครบ 18 ปี จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 (2) โดยบิดาจำเลยขอรับตัวไปและจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาล ดังนี้ เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาดังกล่าวไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ (1) ถึง (4) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๑๙ เวลางกลางวัน จำเลยลักสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ ๖๐ เส้น พร้อมด้วยกล่องใส่ รวมราคา ๑๒๑,๕๑๐ บาท ของนางสุภรณ์ เภตราไชยอนันต์ ไปโดยสุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด ๖ ปี แต่อย่าให้เกินกว่าจำเลยมีอายุครบ ๑๘ ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๔ (๒) โดยนายแปลกบิดาขอรับตัวจำเลยไปและจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาล
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ ทวิ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๓ พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมีอายุ ๑๒ ปี ถูกฟ้องคดีลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ซึ่งมีอัตราโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้จำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด ๖ ปี แต่อย่าให้เกินกว่าที่จำเลยจะมีอายุครบ ๑๘ ปี จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาดังกล่าวไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ ทวิ (๑) ถึง (๔) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๓ ที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์มา และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสียนั้นเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share