คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4319/2552

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ส่วนที่ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏตามคำร้องขอผัดฟ้อง ครั้งที่ 1 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 อันแสดงว่าจำเลยจะกระทำความผิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 ไม่ใช่วันที่ 1 สิงหาคม 2550 ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง เป็นเพียงการพลั้งเผลอในการเรียงและพิมพ์ฟ้องผิดพลาดไปเท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ก่อนที่จำเลยจะกระทำความผิดอันจะทำให้เป็นฟ้องที่ขัดกับสภาพความเป็นจริง ที่จะต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2550 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ อันเป็นการพนันตามบัญชี ข. หมายเลข 16 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และถือเอาเลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัว ของรางวัลที่ 1 กับเลขท้าย 2 ตัว ที่ออกครั้งสุดท้ายและเลขท้าย 3 ตัว ที่ออกสี่ครั้งของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2550 เป็นเลขถูกรางวัล ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, และ 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 จำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในข้อแรกตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2550 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และถือเอาเลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัว ของรางวัลที่ 1 กับเลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัว ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2550 เป็นเลขถูกรางวัล เหตุเกิดที่ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี นั้นถือว่าเป็นฟ้องที่ได้ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลา และสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 และพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 แล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ที่ข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏตามคำร้องขอผัดฟ้อง ครั้งที่ 1 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 อันแสดงว่าจำเลยน่าจะกระทำความผิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 ไม่ใช่วันที่ 1 สิงหาคม 2550 ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องก็เป็นเพียงการพลั้งเผลอในการเรียงและพิมพ์ฟ้องผิดพลาดไปเท่านั้น กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ก่อนที่จำเลยจะกระทำความผิดอันจะทำให้เป็นฟ้องที่ขัดกับสภาพความเป็นจริงไม่ ทั้งจำเลยให้การรับสารภาพมาโดยตลอดในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็อุทธรณ์เพียงขอให้รอการลงโทษ แสดงว่าจำเลยทราบดีถึงการกระทำความผิดของตน การที่โจทก์บรรยายฟ้องระบุรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำความผิดผิดพลาดไปดังกล่าวจึงมิได้เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าฟ้องโจทก์ขัดกับสภาพความเป็นจริงมานั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา สำหรับปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยโดยไม่รอการลงโทษและจำเลยแก้ฎีกาว่าหากศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายก็ขอให้รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า จำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้จำเลยจึงมีส่วนสำคัญในการมอมเมาประชาชนให้ลุ่มหลงในอบายมุขประโยชน์ส่วนตนในทางที่ผิดเพียงอย่างเดียวและโดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่อาจติดตามมาจากการเล่นการพนันอีกนานัปการ กับปรากฏว่าในการจับกุมจำเลยเจ้าพนักงานตำรวจยึดของกลางได้ จากจำเลยหลายรายการ เฉพาะโพยสลากมีจำนวน 69 แผ่น จำนวนเงิน 251,077 บาท แสดงว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรายใหญ่ที่มีวงเงินในการเล่นพนันจำนวนมาก การกระทำของจำเลยนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่สมควรปรานีรอการลงโทษ”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 วรรคสอง 12 (1) จำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน และริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share