คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16137/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การจะริบทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง นั้น ผู้ร้องมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาไต่สวนให้ได้ความว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีที่ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดถูกฟ้องอันเป็นคดีหลัก แม้ในคดีหลักจำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่เมื่อทางนำสืบของผู้ร้องได้ความเพียงว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางได้ที่ตัวจำเลย โดยซุกซ่อนไว้ที่ขอบกางเกงที่จำเลยสวมอยู่ และผู้ร้องไม่นำสืบให้เห็นว่า จำเลยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะสำหรับการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอย่างไร หรือจำเลยมีเจตนาที่จะใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นประโยชน์ในการกระทำความผิดคดีนี้อย่างไร ดังนั้น รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยใช้เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุ มิใช่เป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันจะพึงริบได้ตามมาตรา 30 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากผู้ร้องเคยเป็นโจทก์ฟ้องนายสุธีหรือไปป์หรือไปรส์ ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 219/2556 ของศาลชั้นต้นต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน จำนวน 19 เม็ด น้ำหนักสุทธิ 1.720 กรัม และยึดรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ขงว กาญจนบุรี 584 เป็นของกลาง รถจักรยานยนต์ ของกลางเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ หรือทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นยานพาหนะขับไปในการติดต่อซื้อขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ ขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30, 31 ศาลประกาศหนังสือพิมพ์ที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นสองวันติดต่อกันเพื่อให้บุคคลอื่นซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินมายื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีตามกฎหมายแล้ว
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องดังกล่าว
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง ให้คืนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ขงว กาญจนบุรี 584 ของกลางให้แก่ผู้คัดค้าน
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 158/2556 ของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานตำรวจได้เรียกให้จำเลยซึ่งขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ขงว กาญจนบุรี 584 ของกลาง มีชายวัยรุ่นอีกคนหนึ่งซ้อนท้ายหยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นตัวจำเลยพบเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 19 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีขาวเหน็บอยู่ที่ขอบกางเกงของจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจึงยึดเมทแอมเฟตามีนและรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไว้เป็นของกลางในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 158/2556 ของศาลชั้นต้น จำเลยให้การรับสารภาพว่า มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นทรัพย์อันต้องริบตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือไม่ เห็นว่าตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “บรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะเครื่องจักรกล หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ก็ตาม” ตามบทบัญญัติดังกล่าว ผู้ร้องจึงมีหน้าที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาไต่สวนให้ได้ความว่า ทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีที่ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดถูกฟ้องอันเป็นคดีหลัก แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ
ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 158/2556 ของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นคดีหลักก็ตาม เมื่อทางนำสืบของผู้ร้องได้ความเพียงว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางได้ที่ตัวจำเลย โดยซุกซ่อนไว้ที่ขอบกางเกงที่จำเลยสวมอยู่ โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางมาใช้เป็นยานพาหนะสำหรับการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอย่างไร และผู้ร้องไม่นำสืบให้เห็นว่า จำเลยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งเพื่อจำหน่ายอย่างไร หรือจำเลยมีเจตนาที่จะใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นประโยชน์ในการกระทำความผิดคดีนี้อย่างไร รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ยานพาหนะที่จำเลยใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้สัญจรไปมาเท่านั้น ประชาชนทั่วไปสามารถมีไว้เพื่อใช้งานตามปกติ ถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง ดังนั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยใช้เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุ มิใช่เป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดหรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันจะพึงริบได้ตามมาตรา 30 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share