คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4312/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าคำเบิกความเท็จของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร และประเด็นสำคัญแห่งคดีมีว่าอย่างไรจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยถึงพยานโจทก์ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยถึงการกระทำของจำเลยตามข้อกล่าวหาของโจทก์จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำพิพากษาที่ได้วินิจฉัยในความผิดซึ่งได้ฟ้องโจทก์ฟ้องใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1799-1800/2527 ของศาลชั้นต้นที่พิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดไปแล้วหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าคำเบิกความเท็จของจำเลยทั้งสองเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร และประเด็นสำคัญแห่งคดีมีว่าอย่างไร จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยถึงพยานโจทก์ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์บรรยายฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) โดยยังมิได้วินิจฉัยถึงการกระทำของจำเลยตามข้อกล่าวหาของโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำพิพากษาที่ได้วินิจฉัยในความผิดซึ่งได้ฟ้องอันจะเป็นเหตุให้สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share