คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ภาษีอากรซึ่งโจทก์ประเมินแต่มิได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทราบโดยชอบ ทำให้จำเลยไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์นั้นเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนตามมาตรา 9(3) ของ พ.ร.บ. ล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เพราะอาจถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนโดยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยล้มละลาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘พิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าสมควรพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 14 บัญญัติไว้ว่า ‘ในการพิจารณาคดีล้มละลายตามคำฟ้องของเจ้าหนี้นั้นศาลต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 ฯลฯ ถ้าศาลพิจารณาได้ความจริง ให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแต่ถ้าไม่ได้ความจริง ฯลฯ ให้ศาลยกฟ้อง’ มาตรา 9 บัญญัติว่า’เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ก็ต่อเมื่อ ฯลฯ
(3) หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน ฯลฯ’จึงมีปัญหาว่าพยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นำสืบมาฟังได้หรือไม่ว่าหนี้ภาษีอากรที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นหนี้กำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรเมื่อได้รับแจ้งการประเมิน ผู้เสียภาษีมีสิทธิอุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ หนี้ภาษีอากรตามที่มีการประเมินจึงไม่เป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนเพราะอาจจะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิกถอนโดยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ได้ คดีนี้โจทก์ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วที่นางจำนงพร สุนทรบุระเบิกความว่าเป็นผู้ประเมินและแจ้งการประเมินไปยังจำเลยแล้วก็ไม่ปรากฏว่านางจำนงพรได้แจ้งไปโดยวิธีใด หลักฐานที่แสดงว่าจำเลยรับแจ้งการประเมินโดยชอบแล้วก็ไม่ปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์ พยานโจทก์เกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเลื่อนลอย ฟังไม่ได้ว่าโจทก์แจ้งการประเมินให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยจึงไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ดังนี้หนี้ภาษีอากรตามที่ประเมินจึงยังไม่เป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนที่โจทก์จะนำมาฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายดังที่มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 บัญญัติไว้ได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืนค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share