คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องห้ามจำเลยซึ่งเป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมิให้เกี่ยวข้องแก่มรดกศาลพิพากษาห้ามแล้วภายหลังมีคำพิพากษาว่าจำเลยเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงเข้ามาเกี่ยวข้องแก่มรดกอีกโจทก์จึงฟ้องขอห้ามอีก ดังนี้ถือว่าโจทก์ฟ้องร้องอีกโดยอาศัยเหตุเดียวกัน ต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเป็นบุตรผู้ตาย แต่เป็นบุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยเคยคัดค้านในการที่โจทก์ประกาศรับมรดก โจทก์จึงฟ้องขอให้ห้าม ศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีสิทธิ์รับมรดก พิพากษาห้ามจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาจำเลยขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย แล้วจำเลยมาขอประกาศรับมรดกของผู้ตายอีก โจทก์จึงฟ้องขอห้าม

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ตายตายเกิน 1 ปีแล้ว จำเลยย่อมหมดสิทธิ์รับมรดก จึงพิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลเคยมีคำพิพากษาแล้วว่าจำเลยไม่มีสิทธิ์รับมรดกของผู้ตาย การที่ผู้ใดจะมีสิทธิ์รับมรดกหรือไม่ย่อมต้องพิเคราะห์ในขณะเจ้ามรดกถึงแก่กรรมตาม มาตรา 1599 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1531(3) บัญญัติว่า การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย มีผลนับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด ฉะนั้นการที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในที่ดินมรดกของผู้ตายอีกก็อ้างเหตุเดิมที่ว่า จำเลยมีสิทธิ์รับมรดกของนายแถมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุเดียวกันนั้นเอง มิใช่ว่าจำเลยอาศัยสิทธิ์อย่างอื่นอย่างใดมาเกี่ยวข้องแก่ที่ดินนั้นใหม่ คดีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ที่ห้ามมิให้ฟ้องร้องกันอีกโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share