คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้เสียหายเคยอยู่กินฉัน สามีภริยาโดย ทำพิธี แต่งงานกันตาม ลัทธิศาสนาอิสลาม และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ต่อมาได้ แยกกันอยู่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัด ว่า จำเลยหย่าขาดกับผู้เสียหายตามกฎหมายอิสลาม การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา จึงอาจเป็นกรณีที่จำเลยกระทำไปโดย เข้าใจว่ามีสิทธิกระทำได้ กับภริยาซึ่ง มีบุตรด้วยกัน อันเสมือนกับทำโดยวิสาสะย่อมไม่เข้าลักษณะกระทำโดย มีเจตนาร้าย จึงไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยถอด เอาแหวนและตุ้มหูของผู้เสียหายซึ่งสวมใส่ไป โดย บอกกับผู้เสียหายว่าถ้ามีแหวนและตุ้มหูติดตัว อาจมีเงินหลบหนีได้ แสดงว่าการที่จำเลยเอาทรัพย์ดังกล่าวไป จำเลยมีเจตนาเพียงที่จะป้องกันมิให้ผู้เสียหายหลบหนี หามีเจตนาทุจริตไม่จึงไม่เป็นความผิดฐาน ชิงทรัพย์.

Share