แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การนับเวลาความประสงค์ของกฎหมายข้อนี้
ย่อยาว
ได้ความว่าศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทย์ตามที่โจทย์จำเลยยอมความกัน วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๗ กองหมายขายทรัพย์ของจำเลยตามคำขอของโจทย์ ส่วนเงินราคาของที่ขาย กองหมายผ่อนผันให้ผู้ซื้อชำระจนถึงวันที่ ๑๕-๑๘ แล ๒๒ พฤศจิกายน แต่ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายตามฟ้องของกรมพระคลังข้างที่ เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์จึงขอให้กองหมายยึดเงินที่ขายทรัพย์ของจำเลยไว้ โดยอ้างว่าจำเลยล้มละลายแลได้แจ้งแก่กองหมายภายใน ๑๔ วันนับแต่วันกองหมายได้รับเงินที่ขายทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา ๔๔ ข้อ ๑
โจทย์ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งว่าโจทย์ควรได้รับเงินรายนี้ เพราะคำบอกกล่าวการล้มละลายได้ส่งแก่กองหมายพ้นกำหนด ๑๔ วันนับแต่วันขายทรัพย์ของจำเลยเสร็จ
ฎีกาวินิจฉัยว่า ในมาตรา ๔๔ ข้อ ๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ไม่ปรากฎว่ากำหนด ๑๔ วันนั้นจะนับแต่วันไหนเป็นต้นไป แลเมื่อไม่ปรากฏว่าให้นับตั้งแต่วันที่กองหมายได้รับเงินเป็นต้นไปแล้ว ตามธรรมดาควรต้องนับแต่วัน “ขายทรัพย์” ตามถ้อยคำที่กล่าวไว้ในมาตรานั้น ข้อความในตัวบทที่ว่า “ให้กองหมายหักค่าธรรมเนียมของกองหมายกับค่าธรรมเนียมของเจ้าณี่ผู้ชนะคดี เหลือเท่าใดให้ยึดไว้ ๑๔ วัน” นั้นหาได้มุ่งหมายถึงเงินราคาทรัพย์ซึ่งอยู่ที่กองหมายไม่ ข้อความในมาตรานี้ไม่ได้มุ่งถึงว่ากองหมายฤาผู้อื่นซึ่งยึดถือเงินไว้ มุ่งถึงการที่จะต้องยึดเงินนั้นไว้ฤาจ่ายไปความประสงค์ก็เพียงแต่จะยังมิให้เจ้าหนี้รับเงินไปเท่านั้น โดยเหตุนี้จึงเป็นบัญญัติมิให้กองหมายจ่ายเงินนั้น จึงพิพากษาให้โจทย์ได้รับเงินรายนี้ตามคำร้องของโจทย์