แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันซึ่งผู้ประกันจะต้องชำระเมื่อมีการผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ที่ขอประกันให้ตามกำหนดมิได้นั้น เป็นเบี้ยปรับซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสามพราน จำเลยได้ทำสัญญาประกันต่อโจทก์ประกันตัวนายพยอมผู้ต้องหา โดยสัญญาว่าจะนำตัวนายพยอมส่งต่อโจทก์ในกำหนด มิฉะนั้นยอมให้ปรับ ๙๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยไม่สามารถนำตัวนายพยอมส่งให้โจทก์ได้ ขอให้จำเลยชำระเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยประกันตัวนายพยอมต่อร้อยตำรวจตรีพิธีในข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองในอัตราค่าปรับฐานผิดสัญญาไม่เกิน ๙,๐๐๐ บาท ไม่ได้ประกันนายพยอมในข้อหาคดีอุกฉกรรจ์อีกกระทงหนึ่ง ร้อยตำรวจตรีพิธีไม่มีอำนาจสั่งในเรื่องประกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้ส่งตัวนายพยอมให้ร้อยตำรวจตรีพิธีตามนัดครั้งหนึ่งแล้ว ร้อยตำรวจตรีพิธีมิได้กำหนดให้ส่งตัวอีกครั้ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระเงินให้ครบ ๙๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดเป็นจำนวน ๙๐,๐๐๐ บาท เต็มตามสัญญาประกันหรือไม่นั้น เห็นว่าจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันซึ่งผู้ค้ำประกันจะต้องชำระเมื่อมีการผิดสัญญาโดยส่งตัวผู้ที่ขอประกันให้ตามกำหนดมิได้นั้นเป็นเบี้ยปรับซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ สำหรับเบี้ยปรับในคดีนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงข้อหาแห่งความผิดที่อ้างว่านายพยอมผู้ต้องหากระทำผิดคือฐานมีอาวุธปืนโอโตเมติกขนาด ๑๑ มิลลิเมตร ๑ กระบอกไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้จับกุมโดยนายพยอมผู้ต้องหาใช้มือผลักจ่าสิบตำรวจปราโมทย์ ศิริทรัพย์ เซหน้าหงายไปเท่านั้น ประกอบกับได้ความจากพยานโจทก์เองว่านายพยอมผู้ต้องหา ต่อมาได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายไปแล้ว ฉะนั้น จึงเห็นสมควรลดจำนวนเงินค่าปรับตามสัญญาประกันลงเหลือเพียง ๙,๐๐๐ บาท
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าปรับ ๙,๐๐๐ บาท