แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 19 วรรคสอง บัญญัติว่า “ศาลอาญา… มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวงที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่น รวมทั้งคดีอื่นใดที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา แล้วแต่กรณี” และ ป.วิ.อ. มาตรา 40 บัญญัติว่า “การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะฟ้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีอาญาหรือต่อศาลที่มีอำนาจชำระคดีแพ่งก็ได้…” เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาต่อศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นในคดีนี้ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องในคดีส่วนอาญา แต่เมื่อศาลชั้นต้นซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาเฉพาะคดีอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญาแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมไม่มีอำนาจรับคดีส่วนแพ่งโดยลำพังไว้พิจารณา จึงต้องมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่งและคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 151 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 90, 91, 326, 328 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14, 15 พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 มาตรา 4 กับเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสี่ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เอเอสทีวีผู้จัดการ ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด แนวหน้า บางกอกโพสต์ และเนชั่น ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน และในเว็บไซต์ www.Thaipost.net, www.manager.co.th www.khaosod.co.th www.matichon.co.th www.thairath.co.th และ www.dailynews.co.th ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสี่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลให้ยกฟ้อง จึงขอคืนค่าธรรมเนียมศาลในส่วนแพ่งที่วางไว้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ด้วยเหตุการกระทำของจำเลยทั้งสี่ไม่เป็นความผิดทางอาญา โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนแพ่งจากจำเลยทั้งสี่ได้ อันเป็นการวินิจฉัยประเด็นคดีในส่วนแพ่งด้วยแล้ว กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 ที่จะคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ จึงให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลต้องคืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 บัญญัติให้การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การพิจารณาคดีแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อศาลยกฟ้องคดีส่วนอาญาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลย่อมไม่มีอำนาจรับคดีส่วนแพ่งไว้พิจารณา ศาลต้องมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่งและคืนค่าธรรมเนียมแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 เห็นว่า พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 19 วรรคสอง บัญญัติว่า “ศาลอาญา… มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวงที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่น รวมทั้งคดีอื่นใดที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา แล้วแต่กรณี” และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 บัญญัติว่า “การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะฟ้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีอาญาหรือต่อศาลที่มีอำนาจชำระคดีแพ่งก็ได้…” เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 90, 91, 326, 328 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14, 15 พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 มาตรา 4 กับเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสี่ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสี่ ซึ่งเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ต่อศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นในคดีนี้ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องในคดีส่วนอาญา แต่เมื่อศาลชั้นต้นซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาเฉพาะคดีอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญาอันมีผลเป็นการไม่รับคดีส่วนอาญาไว้พิจารณาแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมไม่มีอำนาจรับคดีส่วนแพ่งโดยลำพังไว้พิจารณา จึงต้องมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่งและคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในคดีส่วนแพ่งและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยไม่แก้ไขในส่วนนี้ กระบวนพิจารณาในคดีส่วนแพ่งที่ศาลล่างทั้งสองปฏิบัติจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลล่างทั้งสองไม่คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์โดยวินิจฉัยทำนองเดียวกันว่า การที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องเป็นการวินิจฉัยประเด็นคดีในส่วนแพ่งด้วยแล้วนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้วเห็นสมควรมีคำสั่งในคดีส่วนแพ่งไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งใหม่
พิพากษากลับเป็นว่า ให้คืนค่าขึ้นศาลจำนวน 200,100 บาท ให้แก่โจทก์ และไม่รับฟ้องคดีส่วนแพ่ง