แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าของเดิม ยกที่พิพาทให้กรมอนามัยปลูกสร้างสำนักงานผดุงครรภ์โดยมีเงื่อนไขว่า จะนำไปซื้อขาย หักโอน หรือแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นหรือหน่วยราชการอื่นไม่ได้ และเมื่อหมดความประสงค์จะใช้ ให้ส่งมอบที่พิพาทคืนทันที ดังนี้ เจตนาของผู้ให้ หาใช่เป็นการอุทิศที่พิพาทเพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์ตลอดไปอันมีผลให้ที่ดินตก เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ เมื่อการยกให้มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่มีผลสมบูรณ์ และย่อมไม่ผูกพันผู้ให้หรือโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนที่พิพาทต่อมาในภายหลังตาม ป.พ.พ. มาตรา 525,1299 วรรคแรก แม้โจทก์จะรู้ถึงสิทธิที่จำเลยได้รับการยกให้จากเจ้าของเดิม ก็ตาม ก็หาเป็นการกระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์ผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยนิติกรรมซึ่งได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 163626 และโฉนดเลขที่ 58019 มีเนื้อที่ติดต่อรวมกัน 164 ตารางวา โดยซื้อมาจากเจ้าของเดิม จำเลยเป็นเจ้าของสถานีอนามัยประเวศ เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดทั้งสอง หลังจากซื้อที่ดินดังกล่าวมาแล้ว โจทก์ประสงค์จะใช้ที่ดินจึงได้แจ้งให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า เดิมนายคงศักดิ์ บำรุงธรรม เจ้าของเดิมได้ทำหนังสือยกกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่ทางราชการกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อปลูกสร้างอาคารสำนักงานผดุงครรภ์ตำบลประเวศ โดยมีเงื่อนไขว่า ทางราชการจะนำที่ดินไปซื้อขายหรือหักโอนแลกเปลี่ยนกับผู้หนึ่งผู้ใดหรือหน่วยราชการอื่นไม่ได้ เมื่อทางราชการหมดความประสงค์จะใช้ที่ดินให้ส่งมอบที่ดินคืน ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นแม้โจทก์จะได้รับโอนสิทธิในที่ดินมาโดยทางทะเบียนในภายหลัง ก็ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิในที่ดินแต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยรื่อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินของโจทก์และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายฟังได้ว่า เดิมที่พิพาททั้งสองแปลงเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายคงศักดิ์ บำรุงธรรม เมื่อวันที่ 19กรกฎาคม 2502 นายคงศักดิ์ ได้ทำหนังสือยินยอมให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่ทางราชการกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2 งาน (200 ตารางวา)ตามเอกสารหมาย ล.2 การยกให้มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทางหน่วยราชการผู้รับยกให้ได้จัดตั้งสถานีอนามัยประเวศ ดำเนินกิจการเรื่อยมาและเคยมีดำริจะยุบเลิกกิจการในปี 2518 แต่แล้วได้พิจารณาเห็นสมควรให้รอการยุบเลิกไว้ก่อนปรากฎละเอียดตามเอกสารหมาย ล.10ปัญหามีว่า ที่พิพาทได้ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วโดยการอุทิศของเจ้าของที่ดินเดิมตามที่จำเลยฎีกาโต้แย้งหรือไม่ หนังสือยกให้ตามเอกสารหมาย ล.2 มีข้อความว่า ข้าพเจ้านายคงศักดิ์ บำรุงธรรมสัญชาติไทย อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ที่ 1 ตำบลประเวศอำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร ขอทำหนังสือยินยอมยกให้กรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 2 งาน (200 ตารางวา) อยู่ที่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลประเวศ อำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร ให้ทางราชการกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขปลูกสร้างอาคารสำนักงานผดุงครรภ์ตำบลประเวศได้ โดยมีเงื่อนไขว่าทางราชการจะนำที่ดินไปซื้อขายหรือหักโอนแลกเปลี่ยนกับผู้หนึ่งผู้ใดหรือหน่วยราชการอื่นไม่ได้ เมื่อทางราชการหมดความประสงค์จะใช้ที่ดินให้ส่งมอบที่ดินคืนให้ข้าพเจ้าทันที เห็นว่าตามข้อความในเอกสารดังกล่าวแสดงว่า เจ้าของที่ดินมีเจตนายกที่ดินให้แก่หน่วยราชการดังกล่าวโดยเฉพาะ เพื่อให้ใช้เป็นที่ตั้งของสถานที่ดำเนินกิจการตามความประสงค์ของผู้ยกให้ดังกล่าวในท้องที่ชุมชนนั้น ทั้งผู้ให้ยังได้สงวนสิทธิ์ โดยกำหนดเงื่อนไขมิให้หน่วยราชการที่รับยกให้นำพิพาทไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น และให้ส่งมอบที่ดินคืนแก่ผู้ให้ เมื่อผู้รับหมดความประสงค์ที่จะใช้ที่ดินเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าวแล้ว เจตนาของผู้ให้จึงหาใช่เป็นการอุทิศที่ดินเพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์ตลอดไป อันจะมีผลให้ที่พิพาทตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ดังนั้น เมื่อการยกให้ที่ดินหรือสิทธิที่จะปลูกสร้างอาคารบนที่ดินแก่ผู้รับมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่มีผลสมบูรณ์และย่อมไม่ผูกพันผู้ให้หรือผู้รับโอนที่พิพาทต่อมาในภายหลังตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 524, 1299 วรรคแรก แม้โจทก์จะรู้ถึงสิทธิที่จำเลยได้รับจากการยกให้ของเจ้าของที่ดินเดิมก็ตามก็หาเป็นการกระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์ผู้ได้กรรมสิทธิมาโดยนิติกรรมซึ่งได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนออกไปจากที่พิพาทได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.