คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4289/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดปลายแหลมเฉพาะใบมีดยาวประมาณ 5 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 1 ครั้ง ถูกบริเวณช่องท้องด้านซ้าย 1 แผล บาดแผลกว้างและลึกประมาณ 3 เซนติเมตร ถึงกล้ามเนื้อ แต่ไม่เข้าถึงช่องท้องแสดงว่าจำเลยแทงไม่แรง และจำเลยมีโอกาสที่จะเลือกแทงอวัยวะที่สำคัญกว่านี้ได้ แต่ก็หาได้ทำไม่ อีกทั้งหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็คงไม่ผลักผู้เสียหายลงไปในร่องสวน หรือแม้ผู้เสียหายตกลงไปในร่องสวนแล้วจำเลยก็อาจจะตามลงไปแทงผู้เสียหายอีกได้แต่จำเลยก็หาได้ติดตามลงไปแทงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงมีแต่เพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83,80 และขอให้นับโทษต่อจากโทษจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่1858/2534 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80, 83 จำคุก 12 ปีคำรับของจำเลยในชั้นจับกุม สอบสวนและพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1858/2534 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาและโจทก์มิได้ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมเฉพาะใบมีดยาวประมาณ 5 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 1 ครั้งถูกบริเวณช่องท้องด้านซ้าย 1 แผล แล้วจำเลยได้ผลักผู้เสียหายลงไปในร่องสวน เมื่อผู้เสียหายขึ้นจากร่องสวนได้จึงเดินกลับบ้านโดยจำเลยมิได้เข้าทำร้ายผู้เสียหายอีก บาดแผลที่ถูกแทงกว้างและลึกประมาณ 3 เซนติเมตร ถึงกล้ามเนื้อแต่ไม่เข้าถึงช่องท้องเห็นว่า ตามสภาพบาดแผลของผู้เสียหายดังกล่าวแสดงว่าจำเลยแทงไม่แรงนัก และจำเลยมีโอกาสที่จะเลือกแทงอวัยวะที่สำคัญกว่านี้เช่นที่บริเวณหน้าอก แต่จำเลยก็มิได้เลือกแทงอวัยวะสำคัญดังกล่าวอีกทั้งเมื่อแทงไปครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่ได้ติดตามเข้าไปแทงซ้ำอีกยิ่งกว่านั้นถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็คงไม่ผลักผู้เสียหายลงไปในร่องสวนหรือแม้ผู้เสียหายตกลงไปในร่องสวนแล้วจำเลยก็อาจจะตามลงไปแทงผู้เสียหายอีกได้ แต่จำเลยก็หาได้ติดตามลงไปแทงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ คงปล่อยให้ผู้เสียหายขึ้นจากร่องสวนแล้วเดินกลับบ้านไป ด้วยเหตุผลดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้นนี้พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายคงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายดังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้น
พิพากษายืน

Share