แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญากู้ยืมเงินกับสัญญาซื้อขายทองคำ มีข้อสัญญาที่คู่สัญญาตกลงให้ระงับข้อพิพาททั้งหมดหรือบางส่วนที่เกิดขึ้นแล้วหรือเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดจากนิติสัมพันธ์ทางสัญญาหรือไม่โดยวิธีอนุญาโตตุลาการ จึงเป็นสัญญาอนุญาโตตุลาการ ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง
เมื่อจำเลยยื่นข้อเรียกร้องให้ระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการลอนดอน และต่อมาจำเลยได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการลอนดอน จึงเป็นกรณีที่จำเลยใช้สิทธิเลือกที่จะเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการแล้ว ทำให้การระงับข้อพิพาทต้องใช้กระบวนการของอนุญาโตตุลาการตามที่โจทก์และจำเลยตกลงกันไว้ในสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาซื้อขายทองคำ การที่โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฟ้องคดีต่อศาลโดยไม่เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อสัญญาอนุญาโตตุลาการ
เหตุบกพร่องของสัญญาที่โจทก์อ้างไม่ว่าจะเป็นนิติกรรมอำพรางหรือกลฉ้อฉล หรือข้อตกลงที่จำเลยให้โจทก์ชำระหนี้เงินกู้ด้วยทองคำโดยกำหนดราคาทองคำที่แน่นอนไว้ล่วงหน้าซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 656 วรรคสองและวรรคสาม หรือการกระทำของจำเลยที่ใช้อำนาจต่อรองสูงกว่า จัดทำสัญญาเอาเปรียบโจทก์ขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 นั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเนื้อหา และความสมบูรณ์ของสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาซื้อขายทองคำ จึงเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญาโดยตรง อีกทั้งการยกเหตุดังกล่าวถือเป็นการโต้เถียงในเรื่องความมีอยู่ของสัญญาและการมีผลใช้บังคับของสัญญาซึ่งอยู่ในอำนาจวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ การฟ้องคดีนี้จึงเป็นเรื่องสัญญาหาใช่มูลละเมิด
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องอันเป็นเนื้อหาข้อพิพาทซึ่งต้องระงับโดยวิธีการทางอนุญาโตตุลาการ และเมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทำการไต่สวนแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุที่จะทำให้สัญญาอนุญาโตตุลาการเป็นโมฆะ หรือใช้บังคับไม่ได้ หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลดังกล่าวจึงชอบด้วย พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 479,152,887.65 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 13,626,144.93 ดอลลาร์สหรัฐ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องว่า ตามสัญญากู้เงินและสัญญาซื้อขายทองคำดังกล่าวเป็นข้อสัญญาที่มีข้อตกลงให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดก่อน ขอให้ศาลจำหน่ายคดีเพื่อให้คู่ความไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการ
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ฟ้องจำเลยในมูลละเมิดไม่ได้เกี่ยวข้องหรือโต้แย้งในข้อสัญญา จึงไม่อยู่ในบังคับของข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ และจำเลยไม่อาจขอให้ศาลจำหน่ายคดีได้
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเพื่อให้คู่ความไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการก่อนตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์เป็นจำนวน 480,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมอย่างอื่นให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ให้จำหน่ายคดีโจทก์ออกจากสารบบความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า สัญญากู้ยืมเงิน กับสัญญาซื้อขายทองคำ มีข้อสัญญาที่คู่สัญญาตกลงให้ระงับข้อพิพาททั้งหมดหรือบางส่วนที่เกิดขึ้นแล้วหรือที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดจากนิติสัมพันธ์ทางสัญญาหรือไม่โดยวิธีอนุญาโตตุลาการ จึงเป็นสัญญาอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง และจำเลยมีนายสุรนิตย์ ผู้อำนวยการด้านปฏิบัติงานของธนาคารดอยซ์ แบงก์ เอจี พยานจำเลยเบิกความประกอบบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 จำเลยยื่นเสนอข้อเรียกร้องให้ระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการ ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการลอนดอนตามสำเนาข้อเรียกร้องให้ระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ต่อมาในเดือนกันยายน 2554 จำเลยได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการลอนดอนตามสำเนาคำเสนอข้อพิพาทฉบับแก้ไขเพิ่มเติม จึงเป็นกรณีที่จำเลยใช้สิทธิเลือกที่จะเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการแล้ว ทำให้การระงับข้อพิพาทต้องใช้กระบวนการของอนุญาโตตุลาการตามที่โจทก์และจำเลยตกลงกันไว้ในสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาซื้อขายทองคำ ดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฟ้องคดีต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางโดยมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อสัญญาอนุญาโตตุลาการ ที่โจทก์อุทธรณ์ทำนองว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ด้วยการหลอกลวงโจทก์โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริง และมีเจตนากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอันเกี่ยวเนื่องกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการฟ้องในมูลละเมิดมิใช่กรณีพิพาทเกี่ยวเนื่องด้วยสัญญา โจทก์จึงฟ้องคดีต่อศาลได้นั้น เห็นว่าเหตุบกพร่องของสัญญาในกรณีต่าง ๆ ที่โจทก์อ้างไม่ว่าจะเป็นนิติกรรมอำพรางหรือกลฉ้อฉลหรือข้อตกลงที่จำเลยให้โจทก์ชำระหนี้เงินกู้ด้วยทองคำโดยกำหนดราคาทองคำที่แน่นอนไว้ล่วงหน้าซึ่งต่ำกว่าราคาตลาด ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสองและวรรคสาม หรือการกระทำของจำเลยที่ใช้อำนาจต่อรองที่สูงกว่าจัดทำสัญญาเอาเปรียบโจทก์ขัดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเนื้อหาและความสมบูรณ์ของสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาซื้อขายทองคำ จึงเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญาโดยตรง อีกทั้งการยกเหตุดังกล่าวถือเป็นการโต้เถียงในเรื่องความมีอยู่ของสัญญา และการมีผลใช้บังคับของสัญญาซึ่งอยู่ในอำนาจวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ การฟ้องคดีนี้จึงเป็นเรื่องสัญญาหาใช่มูลละเมิดตามที่โจทก์กล่าวอ้างไม่ อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้พิจารณาประเด็นที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องและนำสืบในชั้นไต่สวนว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ด้วยการหลอกลวงโจทก์โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อเท็จจริงและมีเจตนากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอันเกี่ยวเนื่องกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้กำหนดประเด็นในการไต่สวนว่า สัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยที่กล่าวอ้างในคำฟ้องเป็นสัญญาที่มีข้อตกลงให้มีการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีการทางอนุญาโตตุลาการหรือไม่ ซึ่งต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า สัญญากู้ยืมเงินและสัญญาซื้อขายทองคำเป็นสัญญาที่มีข้อตกลงให้มีการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีทางอนุญาโตตุลาการและมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย การที่โจทก์นำข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญาอนุญาโตตุลาการมาฟ้องไม่เป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาที่กำหนดให้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการวินิจฉัยก่อน จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 เพื่อให้คู่ความไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการก่อน ดังนั้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องอันเป็นเนื้อหาของข้อพิพาทซึ่งต้องระงับโดยวิธีการทางอนุญาโตตุลาการ และเมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทำการไต่สวนแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุที่ทำให้สัญญาอนุญาโตตุลาการเป็นโมฆะ หรือใช้บังคับไม่ได้ หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญานั้นได้ และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดังกล่าว จึงชอบด้วยพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 14 วรรคหนึ่งแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ