คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4288/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยครอบครองยาเสพติดให้โทษของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติก จำนวน32 หลอด ซึ่งลักษณะของการบรรจุเป็นการสะดวกแก่การจำหน่าย จะสันนิษฐานในทางที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยว่า จำเลยเป็นผู้แบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางบรรจุในหลอดพลาสติกเพื่อเตรียมจำหน่ายให้แก่ผู้อื่นโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยการแบ่งบรรจุในหลอดพลาสติกผนึกหัวท้าย แล้วมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 ความผิดตามฟ้องย่อมรวมถึงการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 67อยู่ด้วย ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสุดท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 102 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ผลิตและไม่ได้มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 8 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน ริบของกลางข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คงมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษามาหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจสุวิทย์ ในเมืองกับสิบตำรวจโทสยาม อินทร์ศรีสุข พยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมจำเลยคงได้ความเพียงว่าก่อนเกิดเหตุพยานทั้งสองสืบทราบว่าจำเลยลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแต่โจทก์ไม่มีพยานปากใดที่รู้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดมาเบิกความให้เห็นถึงพฤติการณ์ของจำเลยว่าเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าว ที่จ่าสิบตำรวจสุวิทย์กับสิบตำรวจโทสยามเบิกความว่า พยานโจทก์ทั้งสองเคยวางแผนจับกุมจำเลยหลายครั้งแล้ว โดยให้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะบางครั้งซื้อได้ บางครั้งก็ซื้อไม่ได้ เป็นทำนองว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้น คำเบิกความของพยานทั้งสองในข้อนี้น่าระแวงสงสัยอยู่มากเพราะหากมีการวางแผนจับกุมจำเลยโดยให้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยได้จริง เหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยในการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในครั้งนั้นคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวเกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยมีข้อพิรุธไม่มั่นคงพอที่จะรับฟังเป็นจริงได้ ส่วนเหตุการณ์ในขณะที่มีการตรวจค้นบ้านพักของจำเลยที่มีลักษณะเป็นการตรวจค้นเพื่อพบและยึดสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดดังเช่นการตรวจค้นทั่วไป เพราะไม่มีการวางแผนล่อซื้อยาเสพติดให้โทษจากจำเลยก่อน อันจะชี้ให้เห็นเจตนาพิเศษของจำเลยในการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองว่าประสงค์จะมีไว้เพื่อขาย จำหน่าย หรือจ่ายแจก ส่วนที่สิบตำรวจโทสยามเบิกความว่า ในชั้นจับกุมพยานได้แจ้งข้อหาแก่จำเลยว่าผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่า ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากประเทศกัมพูชา แล้วนำมาแบ่งใส่หลอดพลาสติกเพื่อเสพเองบ้างและขายบ้าง ก็ขัดแย้งกับคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจสุวิทย์ที่ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า จำเลยบอกพยานในขณะที่ถูกจับกุมว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อเสพเองเท่านั้น นอกจากนี้ยังปรากฏจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกบรรจบกระต่ายทอง พนักงานสอบสวนว่า ในชั้นสอบสวนพยานแจ้งข้อหาจำเลยว่า ผลิต นำเข้าส่งออก หรือมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย จำเลยให้การปฏิเสธแต่รับว่าจำเลยมียาเสพติดให้โทษของกลางไว้เพื่อเสพ ปรากฏตามคำให้การผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.3 คำเบิกความของพยานโจทก์ผู้จับกุมจำเลยที่อ้างว่าจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมว่า ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาแบ่งบรรจุใส่ในหลอดพลาสติกเพื่อเสพบ้างและขายบ้างจึงมีน้ำหนักน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้พยานหลักฐานของโจทก์ที่จะพิสูจน์ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายคงอาศัยแต่จำนวนและลักษณะของการแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางบรรจุในหลอดพลาสติก ที่บรรจุหลอดละ1 เม็ดบ้าง 2 เม็ดบ้าง และ 3 เม็ดบ้างมาเป็นเครื่องอนุมานให้เห็นเจตนาพิเศษของจำเลยแต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้แบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางเหล่านั้นบรรจุในหลอดพลาสติก ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางที่บรรจุอยู่ในหลอดพลาสติก จำนวน 32 หลอด ซึ่งโดยลักษณะของการบรรจุเป็นการสะดวกแก่การจำหน่าย แล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเจตนาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเหล่านั้นให้แก่ผู้อื่น ทั้งที่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดมานำสืบให้เห็นเช่นนั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เพราะการที่จำเลยครอบครองยาเสพติดให้โทษของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติกในลักษณะดังกล่าวอาจเป็นเพราะจำเลยได้ยาเสพติดให้โทษนั้นมาในสภาพเช่นนั้น หรือได้มาแล้วจึงนำมาแบ่งบรรจุในหลอดพลาสติกก็อาจเป็นไปได้ทั้งสองสถาน จะสันนิษฐานในทางที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยว่า จำเลยเป็นผู้แบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางบรรจุในหลอดพลาสติกเพื่อเตรียมจำหน่ายให้แก่ผู้อื่นโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนไม่ได้ ในข้อนี้จำเลยมีตัวจำเลยกับนางสารภี อินทะนพ ภริยาของจำเลยเป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่าจำเลยมีอาชีพรับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์ในช่วงที่มีงานมากจำเลยต้องทำงานในเวลากลางคืนและต้องเสพเมทแอมเฟตามีนด้วยพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย คงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยการแบ่งบรรจุในหลอดพลาสติกผนึกหัวท้ายแล้วมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 นั้นความผิดตามฟ้องของโจทก์ย่อมรวมถึงการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 67 อยู่ด้วย ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสุดท้าย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share