คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4286/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ที่ 1 ซึ่งมีโจทก์ที่ 2 เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว แต่ยังไปได้จำเลยเป็นภริยาอีกจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน 1 คน การที่จำเลยกล่าวถ้อยคำตามที่โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสอง นั้น จึงเป็นการกล่าวโดยสุจริตด้วยความชอบธรรมเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่ใช่กล่าวเพื่อกลั่นแกล้งใส่ความโจทก์ทั้งสอง และไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสองด้วย โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่า โจทก์ที่ 1 มิได้ทำให้จำเลยมีครรภ์จำเลยมิได้เป็นภริยาโจทก์ที่ 1 และมิได้อยู่กินกับโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 ไม่เคยกีดกัน ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวไม่เป็นความจริง จำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งและหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสอง ดังนั้น อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น อันเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 มาตรา 10

Share