คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลำคลองอันเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาร่วมกัน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 แม้ลำคลองนั้นได้ตื้นเขินขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่มีสภาพเป็นลำคลองมาประมาณ 30 ปีเศษ และไม่มีราษฎรได้ใช้ประโยชน์ก็ตาม แต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพลำคลองนั้นจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรค 2 และทางราชการยังถือเป็นที่หลวงหวงห้าม ลำคลองนั้นจึงยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จะโอนแก่กันมิได้ และจะยกอายุความขึ้นต่อสู้แผ่นดินก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305, 1306

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทจากผู้มีชื่อ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ แล้วครอบครองตลอดมาจนปัจจุบันนี้ด้วยความสงบเปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของ ได้แจ้งการครอบครองและเสียภาษีที่ดิน ต่อมาจำเลยสั่งให้โจทก์ออกจากที่พิพาทอ้างว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งประชาชนใช้ร่วมกัน ขอให้มีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นลำคลองลาวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดยเป็นทางน้ำสำหรับพลเมืองใช้สัญจร บัดนี้ตื้นเขินเปลี่ยนสภาพเป็นที่ว่างเปล่า แต่ทางการสงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ขอให้มีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาท จำเลยไม่มีสิทธิห้าม แม้มีหลักฐานว่าโจทก์ขอสละสิทธิในการครอบครองที่พิพาท แต่โจทก์ยังครอบครองตลอดมา ถือไม่ได้ว่า โจทก์สละสิทธิครอบครองพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาท ห้ามจำเลยรบกวนการครอบครอง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเดิมเป็นลำคลองลาวเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาร่วมกันแต่ตื้นเขินโดยธรรมชาติเท่าระดับพื้นที่นา และไม่มีสภาพเป็นลำคลองมาประมาณ ๓๐ ปีเศษ โจทก์เข้าทำกินในที่พิพาทตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๐ ตลอดมาจนบัดนี้โดยโจทก์มีหนังสือสัญญาซื้อขายและแจ้งการครอบครองที่พิพาท ไม่มีราษฎรใช้ประโยชน์อย่างใด เมื่อที่พิพาทเดิมเป็นลำคลองลาวเป็นทางน้ำที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาร่วมกัน ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ แม้ลำคลองซึ่งเป็นที่พิพาทได้ตื้นเขินขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่มีสภาพเป็นลำคลองมาประมาณ ๓๐ ปีเศษ ไม่มีราษฎรได้ใช้ประโยชน์ แต่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่พิพาทจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามนัยมาตรา ๘ วรรค ๒ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และทางราชการยังถือเป็นที่หลวงหวงห้าม จำเลยมีอำนาจหน้าที่ตรวจตรารักษามิให้ผู้ใดเกียดกันเอาที่พิพาทเป็นอาณาประโยชน์เฉพาะตัวได้ตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๑๗, ๑๒๒ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๙๕ เมื่อที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ และยกอายุความขึ้นสู้แผ่นดินก็ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๕, ๑๓๐๖ โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาท
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share