แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถบรรทุกเฉี่ยวรถจิ๊ปเสียหายด้วยความประมาท เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ซึ่งนั่งมาในรถจิ๊ปถึงแก่ความตาย อัยการได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตายศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าเหตุที่รถเกิดชนกันนั้น อาจเกิดขึ้นเพราะความผิดความประมาทของจำเลยหรือของคนขับรถจี๊ปก็เป็นได้ทั้ง 2 ทางเท่า ๆ กัน ดังนี้ เมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนในการที่ทำให้บุตรโจทก์ตาย ศาลจะนำเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาที่ให้ยกฟ้องอัยการนั้นมาวินิจฉัยคดีแพ่งอย่างใดไม่ได้ เพราะมิได้ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติอย่างไร โจทก์อาจนำสืบในคดีแพ่งได้อีกว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาททำให้บุตรโจทก์ตาย
เมื่อโจทก์มีสิทธีที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าปลงศพบุตรโจทก์ซึ่งถูกจำเลยกระทำให้ถึงแก่ความตายแม้นายจ้างของบุตรโจทก์จะได้บริจาคเงินแก่โจทก์ให้ใช้จ่ายในการในการทำศพเป็นเงินจำนวนเท่า ๆ กันแล้ว จำเลยก็จะยกมาเป็นข้อปัดความรับผิดของจำเลยหาได้ไม่
ผู้ตายเคยอุปการะโจทก์เดือนละ 300 บาท ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนการที่โจทก์ขาดไร้อุปการะเป็นเงินจำนวนเดียว 36,000 บาท ตามที่โจทก์ขอมาโดยคิดคำนวณจากระยะเวลา 10 ปีได้ และค่าสินไหมทดแทนเช่นนี้เป็นการชดใช้แก่หนี้ในอนาคต โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นบิดาของนายประสาร วิมลศิลปิน ผู้ตาย จำเลยที่ ๒ เป็นลูกจ้างขับรถยนต์บรรทุกเลขทะเบียน ป.ข.๐๐๑๙๒ ของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ได้ขับรถคันนั้นตามทางการที่จ้างด้วยความประมาทเป็นเหตุให้รถเฉี่ยวกระแทกรถจี๊ป กท.ท.๑๓๗๕ นายประสาร วิมลศิลปิน กับนายจำลอง จันทา ผู้โดยสารมาในรถจิ๊ปบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย ก่อนนั้นนายประสารอุปการะโจทก์เป็นประจำเดือนละ ๓๐๐บาท และโจทก์กับญาติต้องยืมเงินมาใช้ศพประมาณ ๔,๐๐๐ บาท การกระทำของจำเลยที่ ๒ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดไร้อุปการะ จำเลยที่ ๑ ต้องร่วมกับจำเลยที่ ๒ รับผิดชดใช้ โจทก์ขอคิดค่าสินไหมทดแทน ค่าขาดไร้อุปการะเพียง ๑๐ ปี เป็นเงิน ๓๖,๐๐๐ บาท กับค่าทำศพอีก ๔,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลย
จำเลยให้การต่อสู้ว่า การที่รถเฉียดเฉี่ยวกันนี้เกิดจากความประมาทของนายประดิษฐ์คนขับรถจี๊ปคันที่ผู้ตายนั่งมา กรณีเรื่องนี้อัยการได้ฟ้องจำเลยที่ ๒ ฐานทำให้คนตายโดยประมาท ศาลได้พิพากษายกฟ้องปล่อยตัวจำเลยที่ ๒ แล้วตามสำนวนคดีแดงที่ ๑๘๑/๒๕๐๔ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกก็สูงเกินความจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทำศพนายประสารให้แก่โจทก์ ๔,๐๐๐ บาท และใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากโจทก์ขาดการอุปการะเลี้ยงดูเดือนละ ๑๐๐ บาทนับแต่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๐๔ (วันเกิดเหตุ) จนครบ ๑๐ ปี
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าขาดอุปการะเป็นเงินจำนวนเดียวรวม ๓๖,๐๐๐ บาท กับค่าทำศพอีก๔,๐๐๐บาท และเนื่องจากศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดแก่โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นหนี้เงินแล้ว จึงให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันศาลพิพากษา จนกว่าจะใช้เงินเสร็จแก่โจทก์ด้วย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายประดิษฐ์ขับรถจี๊ปมาจากจังหวัดประจวบฯ ได้สวนเฉี่ยวกับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ ๑ ซึ่งจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับ รถเฉี่ยวกันครั้งนี้เป็นเหตุให้นายประสารและนายจำลองซึ่งนั่งมาในรถจี๊ปถึงแก่ความตาย อัยการได้ฟ้องจำเลยที่ ๒ แต่ผู้เดียว ตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ ๑๘๑/๒๕๐๕ หาว่าจำเลยที่๒ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าเหตุที่ชนกันอาจเกิดขึ้นเพราะความผิดความประมาทของจำเลยที่ ๒ ก็เป็น หรือเพราะความผิคความประมาทของนายประดิษฐ์ก็เป็นได้ และเป็นได้เท่า ๆ กัน ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย
โจทก์เป็นบิดาของนายประสารผู้ตาย ก่อนตายนายประสารทำงานอยู่ที่บริษัทพรหมวิวัฒน์จำกัด นายประสารได้ให้เงินเลี้ยงดูโจทก์เดือนละ ๓๐๐ บาท
แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ศาลจะนำเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาแดงที่ ๑๘๑/๒๕๐๕ ที่ให้ยกฟ้องของอัยการโจทก์นั้นมาวินิฉัยคดีนี้อย่างใดไม่ได้ เพราะคำพิพากษาในคดีอาญานั้นมิได้ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติอย่างไร เป็นแต่เพียงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยเท่านั้น โจทก์อาจฟ้องและนำสืบความรับผิดของจำเลยในทางแพ่งอีกได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๗ วรรค ๑ คดีนี้ ศาลจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่คู่ความนำสืบกันใหม่
ส่วนในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ ๒
ฎีกาเรื่องเงินค่าทำศพนายประสาร ๔,๐๐๐ บาท นั้นเห็นว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๓ จำเลยจะยกเหตุที่บริษัทพรหมวิวัฒน์จำกัดได้จ่ายเงินให้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำศพประมาณ ๔,๐๐๐ บาท และผู้จัดการบริษัทยังให้เงินอีกจำนวนหนึ่งด้วย มาเป็นข้อปัดความรับผิดชอบของจำเลยหาได้ไม่ เพราะบริษัทนั้นและผู้จัดการไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องรับผิดชอบต่อโจทก์อย่างใด เงินดังกล่าวเป็นการบริจาคของบุคคลภายนอก ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย
สำหรับค่าสินไหมทดแทนการที่โจทก์ขาดไร้อุปการะนั้น เห็นว่า การบังคับให้จำเลยชำระแก่โจทก์เป็นรายเดือนเป็นเวลา ๑๐ ปี ย่อมเป็นการยุ่งยากมาก ควรกำหนดให้ชำระคราวเดียวที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชำระเป็นเงิน ๓๖,๐๐๐ บาทนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรเปลี่ยนแปลง แต่ค่าสินไหมทดแทนเช่นนี้เป็นหนี้การชดใช้แก่หนี้ในอนาคต โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้หาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยสำหรับค่าสินไหมทดแทนในการที่โจทก์ขาดไร้อุปการะ ๓๖,๐๐๐ บาทนั้น