คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ยื่นฟ้อง ฉ. ฐานผิดสัญญาทุนทรัพย์ 1,037,500 บาท ตกลงค่าจ้างกันไว้ 100,000 บาท ในชั้นศาลชั้นต้น โดยไม่มีข้อกำหนดกันไว้ว่าถ้าจำเลยได้เงินไม่เต็มตามคำฟ้องก็ให้ลดค่าจ้างลงตามส่วนโจทก์ได้ฟ้อง ฉ. แล้ว และยังได้ดำเนินการอายัดทรัพย์ของ ฉ. จนสำเร็จ แต่ต่อมาจำเลยได้ถอนฟ้องคดีเสียเองโดยโจทก์มิได้เห็นชอบด้วย แม้จำเลยจะได้รับเงินจาก ฉ. เพียง 120,000 บาทก็จะลดค่าจ้างไม่ได้ จะถือเอาจำนวนเงิน 120,000 บาทนี้เป็นผลสำเร็จแห่งการที่ทำเพื่อคำนวณค่าจ้างไม่ได้

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ซึ่งเป็นทนายความให้เป็นทนายฟ้องเรียกเงินจากนายฉาย ครุธแก้ว ได้ทำสัญญาว่าจ้างกันไว้ มีความว่า ให้โจทก์ยื่นฟ้องนายฉายฐานผิดสัญญาทุนทรัพย์ 1,037,500 บาท ในชั้นศาลชั้นต้นจำเลยจะจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท โจทก์ได้ฟ้องนายฉายต่อศาลชั้นต้นเรียกเงิน 1,037,500 บาท และได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินที่กรมสรรพาสามิตจะชำระแก่นายฉายได้สำเร็จ แต่ต่อมาก่อนที่นายฉายจะยื่นคำให้การแก้คดีนั้น จำเลยได้ขอถอนฟ้องนายฉาย ศาลสั่งอนุญาตเสร็จไปแล้วทั้งนี้เพราะจำเลยกับนายฉายได้ทำสัญญาประนีประนอมกันนอกศาล คงให้นายฉายชำระเงินแก่จำเลยเพียง 120,000 บาท เมื่อโจทก์ทราบได้ถามจำเลย ๆ ว่าจำเลยได้รับค่าตอบแทนจากนายฉายเป็นที่พอใจแล้ว แต่เงินค่าจ้างโจทก์นั้นให้โจทก์ฟ้องเอานายฉายจะใช้ให้ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 70,000 บาท กับดอกเบี้ย (เท่าที่โจทก์ขอ)

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่าง และว่าข้อกฎหมายที่จำเลยโต้เถียงขึ้นมาว่าสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างทำของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 587 ผลสำเร็จแห่งการทำนั้นก็คือผลสำเร็จที่จำเลยจะต้องได้รับเงินจากนายฉาย 120,000 บาท ฉะนั้น ค่าจ้างก็ต้องคำนวณจากผลสำเร็จในจำนวนดังกล่าวนั้นเห็นว่า จะถือว่าโจทก์ทำงานไม่สำเร็จดังที่ตกลงกันไว้หาได้ไม่เพราะเมื่อโจทก์ได้จัดการฟ้องนายฉายแล้ว ก็ยังได้ดำเนินการอายัดทรัพย์นายฉายจนสำเร็จ หากแต่ต่อมาจำเลยได้ถอนฟ้องคดีเสียเองโดยใช้ทนายความอื่นทำแทน และโจทก์ก็มิได้เห็นชอบด้วยในการถอนฟ้องนั้น ทั้งตามสัญญาจ้างก็ได้ตกลงค่าจ้างกันไว้ 100,000 บาทในศาลชั้นต้น โดยไม่มีข้อกำหนดกันไว้ว่า ถ้าจำเลยได้เงินไม่เต็มตามคำฟ้องก็ให้ลดค่าจ้างลงตามส่วน จึงไม่มีทางที่จะลดค่าจ้างตามที่ได้ตกลงกันไว้ คดีนี้ โจทก์ขอมาเพียง 70,000 บาท ก็เป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้วเพราะโจทก์ถือว่าได้ทำงานให้จำเลยคู่ควรกับมูลที่เรียกร้องมานี้ ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน

Share