คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4275/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่ 49.60 ตารางวา และมีคำขอให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มแก่โจทก์ตามจำนวนเนื้อที่ดังกล่าว จำเลยให้การว่า ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่เพียง 44.60 ตารางวาเท่านั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มแก่โจทก์อีกตารางวาละ 5,000 บาท จากเนื้อที่ 49.60 ตารางวา จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่เพียง 44.60 ตารางวาเท่านั้น จึงมีปัญหาในชั้นศาลอุทธรณ์ว่า ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่เท่าใด เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่จริงเพียง 44.60 ตารางวา แต่เห็นว่าอัตราเงินค่าทดแทนที่ดินที่ศาลชั้นต้นเพิ่มให้แก่โจทก์เป็นตารางวาละ 30,000 บาท นั้นเหมาะสมแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินทั้งสิ้นจำนวน 1,338,000 บาท เมื่อโจทก์ได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินไปแล้วจำนวน 1,240,000 บาท โจทก์จึงยังคงมีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 98,000 บาท เท่านั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียให้ถูกต้องได้ โดยจำเลยไม่จำต้องมีคำขอให้โจทก์คืนเงินค่าทดแทนที่ดินที่ได้รับไปแล้วหรือขอให้หักเงินค่าทดแทนที่ดินที่รับไปแล้วออกจากเงินค่าทดแทนที่ดินที่ศาลพิพากษาเพิ่มให้ เพราะศาลอุทธรณ์ต้องพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มแก่โจทก์จากเนื้อที่ที่ถูกเวนคืนจริงตามที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับเท่านั้น คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการพิพากษาไปตามประเด็นแห่งคดีไม่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 2,728,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9.75 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 และชำระเงินค่าทดแทนบ้านให้แก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 1,087,253 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ กำหนดเงินค่าทดแทนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยยึดถือหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ถึง (5) เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งสองแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 เพิ่มอีก 248,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสิน แต่ไม่เกินร้อยละ 9.75 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ 1 ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 1 ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ที่ 2 และจำเลยให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 เพิ่มอีก 98,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสิน แต่ไม่เกินร้อยละ 9.75 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ปัญหาในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์ที่ 1 บรรยายฟ้องว่าที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถูกเวนคืน เนื้อที่ 49.60 ตารางวา ตามที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาเบื้องต้นฯ และสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนฯ ระหว่างพิจารณาจำเลยได้ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า ที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถูกเวนคืนเนื้อที่เพียง 44.60 ตารางวา โดยไม่ได้กล่าวไว้ในคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับเงินทดแทนที่ดินไปเกินกว่าเนื้อที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนจริง และมิได้ขอให้โจทก์คืนเงินค่าทดแทนที่ดินหรือขอให้หักเงินค่าทดแทนที่ดินที่โจทก์ที่ 1 ได้รับไปแล้วออกจากเงินค่าทดแทนที่ดินที่ศาลได้พิพากษาให้จำเลยชำระเพิ่มแก่โจทก์ที่ 1 ในกรณีที่โจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายชนะคดี และเมื่อจำเลยอุทธรณ์จำเลยก็มิได้อุทธรณ์ขอให้โจทก์ที่ 1 คืนเงินค่าทดแทนที่ดินหรือขอให้หักเงินค่าทดแทนที่ดินที่โจทก์ที่ 1 ได้รับไปแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเนื้อที่ 44.60 ตารางวา จึงเป็นการพิพากษาหรือสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 เห็นว่า โจทก์ที่ 1 บรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถูกเวนคืนเนื้อที่ 49.60 ตารางวา และมีคำขอให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มแก่โจทก์ที่ 1 อีกตารางวาละ 55,000 บาท ตามจำนวนเนื้อที่ดินดังกล่าว จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า ที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถูกเวนคืนเนื้อที่เพียง 44.60 ตารางวาเท่านั้น ทำให้เกิดประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นต้องวินิจฉัยว่า ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเป็นเนื้อที่เท่าใด เพื่อจะได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 1 ได้ถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มแก่โจทก์ที่ 1 อีกตารางวาละ 5,000 บาท จากเนื้อที่ 49.60 ตารางวา เกินกว่าเนื้อที่ที่ถูกเวนคืนจริง และจำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถูกเวนคืนเนื้อที่เพียง 44.60 ตารางวาเท่านั้น จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นศาลอุทธรณ์ว่า ที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถูกเวนคืนเนื้อที่เท่าใด เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์ที่ 1 และจำเลยได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในสำนวนแล้วฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินของโจทก์ที่ 1 ถูกเวนคืนเนื้อที่จริงเพียง 44.60 ตารางวา ตามที่ได้มีการรังวัดและจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไว้ตามสารบัญจดทะเบียนด้านหลังสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.27 แต่เห็นว่า อัตราเงินค่าทดแทนที่ดินที่ศาลชั้นต้นเพิ่มให้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นตารางวาละ 30,000 บาท นั้นเหมาะสมแล้ว โจทก์ที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะรับเงินค่าทดแทนที่ดินทั้งสิ้นจำนวน 1,338,000 บาท เมื่อโจทก์ที่ 1 ได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินไปแล้วจำนวน 1,240,000 บาท โจทก์ที่ 1 จึงยังคงมีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 98,000 บาท เท่านั้น ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเสียให้ถูกต้องได้ โดยจำเลยไม่จำต้องมีคำขอให้โจทก์ที่ 1 คืนเงินค่าทดแทนที่ดินที่ได้รับไปแล้วหรือขอให้หักเงินค่าทดแทนที่ดินที่จะได้รับหากศาลพิพากษาให้โจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายชนะคดีดังที่โจทก์ที่ 1 ฎีกา และแม้ว่าจำเลยจะมิได้ขอแก้ไขคำให้การในส่วนนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มแก่โจทก์ที่ 1 จากเนื้อที่ที่ถูกเวนคืนจริงตามที่โจทก์ที่ 1 มีสิทธิจะได้รับเท่านั้น คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการพิพากษาไปตามประเด็นแห่งคดี หาใช่เป็นการพิพากษาหรือสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share