คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4270/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยเข้ามาปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิเจ้าของเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นของจำเลย คดีจึงมีประเด็นที่โต้เถียงกันแต่เพียงว่าที่ดินพิพาทเป็นของฝ่ายใดเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์เพราะการครอบครองปรปักษ์จะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่ เป็นการกำหนดประเด็นไม่ถูกต้องตามคำฟ้องและคำให้การ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และมาตรา 183 เป็นปัญหาเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 6476เนื้อที่ 1 งาน 43 9/10 ตารางวา จำเลยเข้าปลูกบ้านเลขที่ 26/5เพื่ออยู่อาศัยโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินคนเดิม โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยปลูกบ้านบนที่ดินของโจทก์ต่อไปขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 26/5 ออกไปจากที่ดินโจทก์และห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินโจทก์ต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 6176 แต่จำเลยและนางสำลีภริยาได้ซื้อจากนางลม้ายมารดาของภริยาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ตอนซื้อเป็นที่ดินมือเปล่ามีเพียงหนังสือแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) เมื่อซื้อแล้วนางลม้ายได้ส่งมอบให้จำเลยและภริยาเข้าครอบครองมาจนบัดนี้เป็นเวลา16 ปีเศษ เมื่อปี 2520 นางลม้ายขอออกโฉนดในนามของนางลม้ายไปก่อนแต่จำเลยกับภริยาก็ยังครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยกับบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 26/5 ออกไปจากโฉนดที่ดินเลขที่ 6176 ตำบลโรงเข้อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ของโจทก์ และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยเข้ามาปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนางลม้าย ทองมีแสง เจ้าของเดิมจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของจำเลยคดีจึงมีประเด็นที่โต้เถียงกันแต่เพียงว่าที่ดินพิพาทเป็นของฝ่ายใดเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์แต่ประการใดเพราะการครอบครองปรปักษ์จะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่เป็นการกำหนดประเด็นที่ไม่ถูกต้องตามคำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และมาตรา 183เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว ฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share