แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์จะนำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 เสียก่อนจึงจะมีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าสืบได้ ดังนั้น การที่ผู้แทนโจทก์นำสรรพเอกสารที่อ้างไว้ในคดีอื่นมาสืบในคดีนี้จึงมีผลเท่ากับนำพยานหลักฐานที่มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้มาสืบ เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น อันถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ เมื่อโจทก์ยังมิได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่และไม่ได้ให้สัตยาบันแก่การผิดระเบียบนั้น ทั้งได้แถลงขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบในวันที่ศาลชั้นต้นได้แจ้งประเด็นกลับ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวนั้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 และนับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีก่อน
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา บริษัทสยาม แปซิฟิค อีเล็คทริค ไวร์ แอนด์ เคเบิ้ล จำกัด ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 จำคุก 6 เดือน ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยถูกโจทก์ฟ้องในข้อหาเดียวกันนี้หลายคดี แต่ละคดีโจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบนางสาวอรสิริหรือเมตตา ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี โดยโจทก์มิได้ตามประเด็นไป แต่มอบหมายให้พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดมีนบุรีดำเนินคดีแทนความเพิ่งปรากฏแก่โจทก์ภายหลังการส่งประเด็นกลับว่า ผู้แทนโจทก์ได้นำสรรพเอกสารที่อ้างเป็นพยานในคดีอื่นมาสืบในคดีนี้ และนำสรรพเอกสารที่อ้างเป็นพยานในคดีนี้ไปสืบในคดีอื่นสลับกันโดยผิดหลง โจทก์ยังมิได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่ และไม่ได้ให้สัตยาบันแก่การผิดระเบียบนั้น จึงขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผู้แทนโจทก์ดำเนินการผิดพลาดนั้นเสียและขอส่งประเด็นไปสืบพยานดังกล่าวใหม่ เห็นว่า การที่โจทก์จะนำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 เสียก่อน จึงจะมีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าสืบได้ ดังนั้น การที่ผู้แทนโจทก์นำสรรพเอกสารที่อ้างไว้ในคดีอื่นมาสืบในคดีนี้ จึงมีผลเท่ากับนำพยานหลักฐานที่มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้มาสืบ เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น อันถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวมานั้นได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 78 ลงหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7.