แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยมิใช่บุคคลที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296จัตวา(3)ดังนั้นวิธีการบังคับคดีที่จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศนั้นจึงมิได้เป็นวิธีการบังคับคดีที่เกี่ยวกับจำเลยแม้จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่ก็ไม่อยู่ในฐานะผู้ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีด้วยเหตุนี้ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่จำเลยและบริวาร โดยให้ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์แต่จำเลยไม่ยอมปฎิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้บังคับคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วต่อมาแจ้งพนักงานบังคับคดีแจ้งให้จำเลยและบริวารปฎิบัติตามคำบังคับ โดยกำหนดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2537
จำเลยยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีโดยไม่ชอบ เพราะมิได้ประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่มิใช่บริวารของจำเลยแต่มีสิทธิจะอยู่ในที่ดินพิพาทได้ทราบ เพื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะได้ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลก่อน ดังนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงยังไม่มีอำนาจออกหมายบังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขอให้เพิกถอนการบังคับคดี
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 จัตวา(3) จำเลยซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการไต่สวนได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง บัญญัติว่า”ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น แล้วแต่กรณี อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น ขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวง หรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะหรือขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่เห็นสมควร ฯลฯ ” และมาตรา 296 จัตวา บัญญัติว่า”ถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแจ้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบริวารยังไม่ออกไปตามคำบังคับของศาลให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฎิบัติดังนี้ต่อไป
(3) ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาล ภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศถ้าไม่ยื่นภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษา”เมื่อจำเลยมิใช่บุคคลที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ดังนั้นวิธีการบังคับคดีที่จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศนั้น จึงมิได้เป็นวิธีการบังคับคดีที่เกี่ยวกับจำเลย แม้จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ตาม แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะผู้ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีด้วยเหตุนี้ได้กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยตามที่จำเลยฎีกาเมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาจำเลยข้ออื่นอีกเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน