คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4246/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำนวนเงินตามหนังสือค้ำประกันของจำเลยที่ บริษัท ล. ผู้รับจ้างนำไปมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา มิใช่เงินที่บริษัท ล. มอบให้โจทก์ทันทีขณะทำสัญญา แต่เป็นเพียงหลักประกันเบื้องต้นเพื่อที่จะให้โจทก์เชื่อได้ว่า บริษัท ล. จะปฏิบัติตามสัญญา และหากบริษัท ล. ผิดสัญญาโจทก์จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลยซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ผู้ออกหนังสือค้ำประกันนั้นแทน จำนวนเงินตามสัญญาไม่ใช่เงินมัดจำที่บริษัท ล. ให้ไว้แก่โจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 377 และ 378 จึงมิใช่หลักประกันที่โจทก์จะริบได้ทันทีเมื่อบริษัท ล. ผิดสัญญา แต่จะถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายฐานผิดสัญญา และเป็นเพียงข้อตกลงที่ให้ความสะดวกในวิธีการบังคับชำระหนี้หากมี และจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันบริษัท ล. ต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเพียงเท่ากับความรับผิดที่บริษัท ล. ต้องรับผิดต่อโจทก์เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 4,082,575 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 2,332,900 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 192,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 เมษายน 2534 เป็นต้นไป จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,140,600 บาท แก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 10,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… จำนวนเงินตามสัญญาค้ำประกันของจำเลยมิใช่เงินที่บริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด มอบให้โจทก์ทันทีขณะทำสัญญา แต่เป็นเพียงหลักประกันเบื้องต้นเพื่อที่จะให้โจทก์เชื่อได้ว่าบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด จะปฏิบัติตามสัญญา และหากบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ผิดสัญญาโจทก์จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลยซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ผู้ออกหนังสือค้ำประกันนั้นแทนนั่นเอง จำนวนเงินตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวจึงไม่ใช่เงินมัดจำที่บริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ให้ไว้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 และ 378 และที่ในสัญญาค้ำประกันของจำเลยระบุว่าหากบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์หรือปฏิบัติผิดเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดของสัญญาดังกล่าวซึ่งโจทก์มีสิทธิริบหลักประกัน หรือเรียกค่าปรับและค่าเสียหายใด ๆ จากบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ได้แล้ว จำเลยยอมชำระเงินแทนให้ทันทีโดยมิต้องเรียกร้องให้บริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ชำระก่อนนั้น เห็นว่า เมื่อสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่บริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด มอบให้ไว้แก่โจทก์ไม่ใช่มัดจำดังกล่าวแล้วนั้น จำนวนเงินตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวจึงมิใช่หลักประกันที่โจทก์จะริบได้ทันทีเมื่อบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ผิดสัญญาตามสัญญาจ้าง แต่จะถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายฐานผิดสัญญา หากมี และเป็นเพียงข้อตกลงที่ให้ความสะดวกในวิธีการบังคับชำระหนี้เท่านั้น หาใช่ข้อตกลงที่ให้สิทธิโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องบังคับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันของจำเลย โดยไม่คำนึงว่าบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด จะมีหนี้ค่าเสียหายจากการปฏิบัติผิดสัญญาที่ต้องรับผิดชำระแก่โจทก์หรือไม่ การจะพิจารณาว่าโจทก์มีสิทธิบังคับชำระหนี้จากหลักประกันตามสัญญาได้เพียงใด จึงต้องพิจารณาว่าบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ต้องรับผิดชำระหนี้ต่อโจทก์เพียงใดหรือไม่ก่อน ในคดีนี้ จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันบริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ต่อโจทก์จึงต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันเท่ากับความรับผิดที่บริษัทลักษณ์ขนส่งและก่อสร้าง จำกัด ต้องรับผิดต่อโจทก์เท่านั้นดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น ส่วนฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง จำเลยฎีกาขอให้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงต้องชำระค่าขึ้นศาลเป็นทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาโดยคิดจากจำนวนเงินที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลบด้วยจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นพิพากษา แต่จำเลยชำระค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาตามจำนวนเงินที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ จึงชำระค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาเกิน
พิพากษาแก้เป็น ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่ชำระเกินให้แก่จำเลย.

Share