คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4233/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพและโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในวันเดียวกันศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ในวันนั้นโดยจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยแถลงว่าเมื่อรับสารภาพแล้วขอให้สืบพยานโจทก์ไปได้เลยและเมื่อศาลให้จำเลยดูบัญชีระบุพยานของโจทก์ จำเลยแถลงไม่คัดค้านซึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดคดีนี้เป็นไปโดยรวดเร็วตามความประสงค์ของจำเลยทั้งเห็นว่าไม่ทำให้เสียความยุติธรรม ไม่จำต้องรอเวลาให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบ 3 วันตามกฎหมายจึงอนุญาตให้สืบพยานโจทก์ไปได้ดังนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์สืบพยานโดยไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วันแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87,88 ได้มีการถ่ายทอดการพิจารณาคดีโดยโทรทัศน์วงจรปิดปรากฏว่าพยานโจทก์ส่วนใหญ่เบิกความถึงข้อเท็จจริงที่พยานแต่ละคนได้รู้เห็นมาโดยลำพัง หาได้เกี่ยวข้องกับพยานอื่นคงมีแต่พยานโจทก์สามปากที่เบิกความในเรื่องเดียวกันหากพยานโจทก์สองปากที่เบิกความภายหลังได้ดูการถ่ายทอดการพิจารณาทางโทรทัศน์ ก็อาจทำให้คำของพยานสองปากนี้ตอนที่เกี่ยวกับคำพยานปากก่อนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้แต่พยานโจทก์สองปากนี้มิได้เป็นพยานที่มีความสำคัญมากนักแม้ไม่รับฟังพยานโจทก์สองปากนี้ โจทก์ก็ยังมีพยานอื่นที่จะฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยจึงลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,289, 340, 340 ตรี, 371, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองผิดตามฟ้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์สืบพยานในวันที่โจทก์ฟ้องคดีโดยโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในวันเดียวกันนั้น ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าจำเลยทั้งสองแถลงว่าเมื่อรับสารภาพแล้วขอให้สืบพยานโจทก์ไปได้เลย โดยจำเลยไม่คัดค้าน เพราะจำเลยได้สำนึกในความผิดที่ได้กระทำไปแล้ว และเมื่อศาลให้จำเลยดูบัญชีระบุพยานของโจทก์ จำเลยทั้งสองก็แถลงไม่คัดค้านอีกพร้อมกับแถลงว่าไม่ติดใจสืบพยานจำเลยแต่อย่างใด ซึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดคดีนี้เป็นไปโดยรวดเร็วตามความประสงค์ของจำเลย ทั้งเห็นว่าไม่ทำให้เสียความยุติธรรม ไม่จำเป็นต้องรอเวลาให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วัน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประกอบด้วยมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงอนุญาตให้โจทก์สืบพยานไปได้ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 จะกำหนดให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันก็ตาม แต่มาตรา 87 ก็บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่า ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีศาลก็อาจอนุญาตให้สืบพยาน โดยไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานล่วงหน้าถึง 3 วันก็ได้ ซึ่งในกรณีนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์สืบพยานโดยไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วัน ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวแล้ว

ได้มีการถ่ายทอดการพิจารณาคดีโดยโทรทัศน์วงจรปิดปรากฏว่าพยานโจทก์ส่วนใหญ่เบิกความถึงข้อเท็จจริงที่พยานแต่ละคนได้รู้ได้เห็นมาโดยลำพัง หาได้เกี่ยวข้องกับพยานอื่นไม่ คงมีเฉพาะนักเรียนนายร้อยตำรวจประคอง จ่าสิบตำรวจสุชาติ และจ่าสิบตำรวจพยุงที่ได้เบิกความเรื่องเดียวกัน ศาลฎีกาเห็นว่า หากพยานสองปากที่เบิกความทีหลังได้ดูการถ่ายทอดการพิจารณาทางโทรทัศน์ก็อาจทำให้คำของพยานโจทก์สองปากนี้ตอบที่เกี่ยวกับคำพยานปากก่อนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ แต่พยานโจทก์สองปากนี้มิได้เป็นพยานที่มีความสำคัญมากนัก แม้ไม่รับฟังพยานโจทก์สองปากนี้โจทก์ก็ยังมีพยานอื่นที่จะฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสอง

พิพากษายืน

Share