คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4232/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นกรรมการบริหารสาขาพรรคเกษตรกร สาขาลำดับที่ 50 ได้ลาออกและถือว่าพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง จำเลยต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง จำเลยพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 จำเลยจึงมีสิทธิที่จะยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินได้ภายในสามสิบวัน ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2545 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/3 วรรคสอง ที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อมาว่า ในระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2545 จำเลยไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแม้การกระทำของจำเลยในช่วงเวลาตามฟ้องดังกล่าวยังไม่เป็นความผิด เพราะอยู่ในเงื่อนเวลาสามสิบวัน ซึ่งให้จำเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องต่อมาว่า การที่จำเลยไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นจากตำแหน่งเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง ดังนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำความผิดพอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารสาขาพรรคการเมือง พรรคเกษตรกร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 ซึ่งจำเลยต้องดำเนินการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของจำเลย คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง และเมื่อระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2545 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน จำเลยไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของจำเลย คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42, 84
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง, 84 ปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 100 บาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องนับแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2545 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2546 รวม 355 วัน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 10,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละ 50 บาท คิดเป็นเงิน 17,750 บาท รวมเป็นเงิน 27,750 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) หรือไม่ เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ให้หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง และกรรมการสาขาพรรคการเมือง มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เข้าดำรงตำแหน่ง และภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ดังนั้น การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นกรรมการบริหารสาขาพรรคเกษตรกร สาขาลำดับที่ 50 ได้ลาออกและถือว่าพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง ข้างต้น จำเลยต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง จำเลยพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 จำเลยจึงมีสิทธิที่จะยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินได้ภายในสามสิบวันตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2545 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/3 วรรคสอง ดังนั้น ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าในระหว่างวันที่ 20 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2545 จำเลยไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแม้การกระทำของจำเลยในช่วงเวลาตามฟ้องดังกล่าวยังไม่เป็นความผิด เพราะอยู่ในเงื่อนเวลาสามสิบวันซึ่งให้จำเลยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องต่อมาว่า การที่จำเลยไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นจากตำแหน่ง เป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง ดังนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำความผิดพอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 42 วรรคหนึ่ง, 84 ปรับ 4,000 บาท และปรับอีกวันละ 40 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2,000 บาท และปรับอีกวันละ 20 บาท นับแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2545 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30.

Share