คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากบ้านเช่าอันมีค่าเช่าเดือนละ 600 บาท แม้โจทก์จะฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องเดือนละ 3,000 บาท แต่ก็เป็นค่าเสียหายในอนาคตอันเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงมาก็เป็นการมิชอบ เพราะถือว่าข้อเท็จจริงนั้นได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้ให้เช่าไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า เมื่อจำเลยได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่าที่ทำกับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
สัญญาเช่ามีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดไว้โดยชัดแจ้ง เมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าบ้านเลขที่ ๔๕ ของโจทก์ค่าเช่าเดือนละ ๖๐๐ บาท กำหนดการเช่า ๑ ปี เมื่อครบกำหนดแล้ว จำเลยตกลงเช่าต่อ ในอัตราค่าเช่าเหมือนเดิมไม่มีกำหนดเวลาเช่า ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่า จึงได้บอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ยอมออก เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายคิดเป็นค่าเช่าเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยยังอยู่ไม่ครบตามกำหนด โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่าเพราะเป็นสัญญาต่างตอบแทน หนังสือบอกเลิกการเช่าไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๒,๕๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าออกจากบ้านเช่าอันมีค่าเช่าเดือนละ ๖๐๐ บาท แม้โจทก์จะฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายนับตั้งแต่วันฟ้องเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท แต่ก็เป็นค่าเสียหายในอนาคตอันเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ก็เป็นการมิชอบ เพราะถือว่าข้อเท็จจริงนั้นได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเดิมจำเลยเป็นผู้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์โดยไม่มีสัญญาเช่า ต่อมาได้ทำสัญญากันไว้มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการเช่าแน่นอน และจำเลยไม่ติดใจในเรื่องสัญญาต่างตอบแทน แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การให้เช่าทรัพย์นั้นผู้ให้เช่าไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิและหน้าที่ในฐานะเป็นผู้ให้เช่าตามสัญญา และจำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่าที่ทำกับโจทก์ไว้และในสัญญาเช่ากำหนดระยะเวลาสิ้นสุดแห่งสัญญาเช่าไว้โดยชัดแจ้งแล้ว เมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๔ ฉะนั้นการที่โจทก์มอบอำนาจให้นายสมบูรณ์ดำเนินคดีแทนจึงมีผลตามกฎหมาย
พิพากษายืน

Share