คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4227/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เจ้าหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดส่งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้เสนอคำขอรับชำระหนี้ไปยังห้องชุดซึ่งเจ้าหนี้ได้บอกเลิกสัญญาเช่าและเดินทางกลับประเทศมาเลเซียแล้ว กรณียังถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ได้ทราบถึงการแจ้งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้ทราบตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 90/24 วรรคสอง คดีมีเหตุตามกฎหมายที่จะรับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไว้พิจารณา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2544 และตั้งบริษัทแอสเซท แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผน ต่อมาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2545 ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีผู้ทำแผนเป็นผู้บริหารแผน
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่รับคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าวอ้างว่าเจ้าหนี้ยื่นคำขอพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 90/26 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านว่าเจ้าหนี้เป็นคนต่างด้าวสัญชาติมาเลเซีย มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อปี 2537 เจ้าหนี้ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อติดต่อทำธุรกิจและได้เช่าอาคารเลขที่ 32/274 ห้อง 274 เอ รีเจนท์รัชดาทาวเวอร์อินทามระ 49 กรุงเทพมหานคร เป็นที่พักอาศัย ต่อมาปี 2543 เจ้าหนี้ได้บอกเลิกสัญญาเช่าอาคารเลขที่ 32/274 และเดินทางกลับประเทศมาเลเซีย จึงไม่ทราบว่าศาลได้มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ไม่ทราบประกาศต่างๆ ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ นอกจากนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จัดส่งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้เสนอคำขอรับชำระหนี้ไปยังอาคารเลขที่ 32/274 ซึ่งเจ้าหนี้ได้บอกเลิกสัญญาเช่าไปแล้ว เจ้าหนี้จึงไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งตั้งผู้ทำแผน เจ้าหนี้เพิ่งทราบเรื่องคำสั่งศาลให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2545 จึงได้เสนอคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในวันที่ 11 ธันวาคม 2545 การยื่นคำขอรับชำระหนี้ล่าช้าจึงมิได้เกิดจากการจงใจของเจ้าหนี้ขอให้ไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งรับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนคำร้องแล้ว คู่ความแถลงร่วมกันว่าไม่ประสงค์จะสืบพยานและรับข้อเท็จจริงตามเอกสารท้ายคำร้องคำแถลงของแต่ละฝ่าย คดีเสร็จการไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จะรับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ เอกสารที่เจ้าหนี้นำส่งเป็นพยานหลักฐานในสำนวนและคำแถลงการณ์ปิดคดีของเจ้าหนี้แล้วได้ความว่า เจ้าหนี้เป็นคนต่างด้าวสัญชาติมาเลเซียเดินทางมาติดต่อธุรกิจในประเทศไทย ได้ตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดกับลูกหนี้ ต่อมาลูกหนี้ผิดสัญญา เจ้าหนี้จึงฟ้องคดีและศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดีตามคำพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เหตุที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้พ้นกำหนดระยะเวลาที่กำหนดถึง 9 เดือนเศษ เพราะเจ้าหนี้เดินทางกลับประเทศมาเลเซีย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้แจ้งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้เสนอคำขอรับชำระหนี้ไปยังภูมิลำเนาเจ้าหนี้ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวไปที่อาคารเลขที่ 32/274 ห้อง 274 เอ รีเจนท์รัชดาทาวเวอร์อินทามระ 49 กรุงเทพมหานคร เมื่อคู่ความรับข้อเท็จจริงตามเอกสารท้ายคำร้องคำแถลงของแต่ละฝ่ายแล้ว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า เจ้าหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จัดส่งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้เสนอคำขอรับชำระหนี้ไปยังอาคารเลขที่ 32/274 ซึ่งเจ้าหนี้ได้บอกเลิกสัญญาเช่าและเดินทางกลับประเทศมาเลเซียแล้ว กรณีจึงถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ได้ทราบถึงการแจ้งคำสั่งตั้งผู้ทำแผนและกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้ทราบตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/24 วรรคสอง คดีมีเหตุตามกฎหมายที่จะรับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไว้พิจารณา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง อุทธรณ์เจ้าหนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไว้ดำเนินการต่อไป

Share