คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินเมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่า “จำเลยครอบครองที่ดินติดต่อกันมากว่า 10 ปี ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยทางครอบครองอันชอบด้วยกฎหมาย” ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ต่อสู้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาเป็นเจ้าของแล้ว จำเลยจึงย่อมมีประเด็นที่จะสืบในข้อนี้ โดยไม่จำต้องระบุถึงข้อความว่า จำเลยได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของไว้ในคำให้การ

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดที่ ๔๒๙ ตำบลเกาะหวาย อำเภอเขาใหญ่(ปากพลี) จังหวัดนครนายก ซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
จำเลยให้การมีข้อความหลายประการซึ่งตอนหนึ่งจำเลยว่า ที่ดินแปลงนี้จำเลยได้ครอบครองโดยปรปักษ์ติดต่อกันมากว่า ๑๐ ปี อีกตอนหนึ่งมีว่า ที่ดินแปลงนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนางแล่ (มารดาจำเลย) และจำเลยโดยทางครอบครองอันขอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องตามตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๔ โดยว่าตามคำให้การจำเลย จำเลยไม่ได้ใช้คำว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ จึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ
ในการพิจารณาคดีศาลชั้นต้นให้โจทก์สืบก่อน โจทก์ได้ยื่นคำร้องกล่าวว่าตามคำให้การจำเลย จำเลยรับว่าที่ดินรายนี้อยู่ในโฉนดของโจทก์ จำเลยเถียงเพียงว่าจำเลยครอบครองโดยสงบและเปิดเผยขาดข้อความที่ว่าจำเลยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์จึงคัดค้านในข้อที่ศาลสั่งให้คู่ความสืบพยานและสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนทั้งสองประการ
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามคำให้การของจำเลยฟังได้แล้วว่ามีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ ส่วนหน้าที่นำสืบก็ไม่มีเหตุผลพอจะให้เปลี่ยนแปลง
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งเช่นนี้แล้ว โจทก์แถลงไม่ยอมนำสืบก่อน แต่จะนำสืบภายหลัง ศาลจึงนัดสืบพยานจำเลยต่อไป
ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลย โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่ว่า จำเลยครอบครองโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของ และชี้ขาดให้จำเลยแพ้คดีโดยไม่ต้องมีการสืบพยาน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้ในคำให้การของจำเลย จำเลยไม่ได้ใช้คำว่าโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของ แต่จำเลยได้ใช้คำว่า จำเลยครอบครองที่ดินโดยปรปักษ์มาเกินกว่า ๑๐ ปี แล้ว จะว่าจำเลยไม่มีประเด็นนำสืบในข้อนี้หาได้ไม่ พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในความที่โจทก์เถียงคือ ในคำให้การจำเลยไม่ได้ใช้คำว่าจำเลยเจตนาเป็นเจ้าของโจทก์จึงถือว่า จำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบเพื่อแสดงว่าจำเลยควรเป็นเจ้าของที่ดินรายนี้ ขอให้พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยไม่ต้องฟังพยานเลย แต่ปรากฎว่าตามคำให้การของจำเลย การมิได้เป็นไปดังที่โจทก์เข้าใจ จำเลยให้การว่า จำเลยครอบครองที่ดินติดต่อกันมากว่า ๑๐ ปี และจำเลยว่าที่ดินแปลงนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนางแล่ (มารดา) และจำเลยโดยทางครอบครองอันชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้จำเลยจึงมีประเด็นนำสืบ
พิพากษายืน

Share