แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการศาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลามแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านมิให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดดำเนินการให้มีคณะกรรมการประจำสุเหร่า ทั้งไม่มีอำนาจขัดขวางในกรณีอิหม่ามคอเต็บและบิหลั่นขอจดทะเบียนมัสยิดหรือสุเหร่าตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม และเมื่อมัสยิดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องแล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนได้
ย่อยาว
ฟ้องว่า โจทก์เป็นทรัสตีหรือผู้พิทักษ์ มีสิทธิและหน้าที่ดูแลจัดการทรัสต์มัสยิด “อัสสละฟียะฮ์” ซึ่งนายอี.เอช.โจอังกุเลียทำหนังสือยกที่ดินโฉนด 1582 ให้เป็นทรัสต์กับสร้างมัสยิดไว้สักการะบูชา ส่วนที่เหลือให้จัดหาผลประโยชน์บำรุงมัสยิดทำบุญทำทาน ให้ทรัสตีหรือทายาทถือไว้ใช้ในทรัสต์ โดยตั้งนางชุ่ม นายโมหะเม็ด นายฮัซซันและนายยาโกฮัดอาลีบายเป็นทรัสตีจัดการทรัสตีที่ตั้งไว้ ใครตายคนที่ยังอยู่ก็ได้แต่งตั้งทรัสตีคนใหม่สืบแทนมาถึงโจทก์ เมื่อ 21 ก.พ. 99 จำเลยที่ 2 ในตำแหน่งจุฬาราชมนตรีและประธานกับจำเลยที่ 3 ถึง 6 กรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนคร ได้ตั้งกรรมการมัสยิดขึ้นตามบัญชีรายชื่ออิหม่ามคอเต็บ บิหลั่นและจำนวนกรรมการบัญชีท้ายฟ้องโดยไม่มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ เพราะการแต่งตั้งนี้ โจทก์เท่านั้นมีสิทธิที่จะทำได้ จำเลยที่ 1 ในหน้าที่ราชการยังรับจดทะเบียนมัสยิดโดยไม่รับคำคัดค้านของโจทก์ซึ่งไม่ประสงค์ให้จดทะเบียนจึงขอให้เพิกถอนคำสั่งจำเลยที่ 1 และเพิกถอนการแต่งตั้งอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่นและกรรมการ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่กรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนคร จึงไม่มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการมัสยิดและขอให้เพิกถอนการกระทำของจำเลยสุจริตชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 2 ถึง 6 ให้การว่า ไม่รับรองว่าโจทก์เป็นทรัสตีโจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินกิจการมัสยิด การแต่งตั้งตลอดการจดทะเบียนถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้สืบพยาน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามเอกสารที่โจทก์ขอให้สืบพยานประกอบฟังได้ว่า เป็นการตั้งทรัสต์ในที่ดินแปลงอื่น ไม่ได้รวมที่ดินโฉนด 1582 อันเป็นที่ตั้งมัสยิดที่พิพาทกันนี้ด้วย เมื่อใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลาม พ.ศ. 2488 และมีคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนครตามพระราชกฤษฎีกานี้แล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้งคัดค้านมิให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดดำเนินการให้มีคณะกรรมการประจำสุเหร่าได้ และไม่มีอำนาจขัดขวางในกรณีอิหม่าม คอเต็บและบิหลั่นขอจดทะเบียนมัสยิดหรือสุเหร่าตาม พระราชบัญญัติมัสยิด พ.ศ. 2490 มาตรา 6 เมื่อมัสยิดได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องแล้ว ก็ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนได้ เหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานอีก เพราะถึงอย่างไรก็มิอาจฟังข้อเท็จจริงให้ผิดแผกแตกต่างไปจากหลักฐานอันเป็นหนังสือซึ่งโจทก์แสดงแล้วนี้ได้พิพากษายืน