คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตกลงจะโอนขายที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์ตอบแทนในการที่โจทก์ออกเงินแต่งงานให้จำเลย แม้ข้อตกลงนี้จะไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้คือออกเงินแต่งงานให้แก่จำเลยไปตามที่ได้ตกลงกันแล้วย่อมถือว่าจำเลยให้คำมั่นจะขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์ย่อมฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามที่จำเลยตกลงไว้นั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขอให้โจทก์สู่ขอ น.ส.ชลอให้เป็นภรรยาจำเลย โดยให้โจทก์ออกเงินในการแต่งงานแล้วจำเลยสัญญาว่าเมื่อแต่งงานแล้ว จำเลยจะโอนที่ดินส่วนของจำเลยขายให้โจทก์ในฐานะที่โจทก์ออกเงินไปในการแต่งงานจำเลย โจทก์ได้จัดการตามสัญญานั้นแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมโอนที่ดินตามที่ตกลงกันไว้ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญา

จำเลยให้การว่า จำเลยไปขอ น.ส.ชลอเองและใช้เงินส่วนตัวของจำเลยในการแต่งงานและต่อสู้ว่าโจทก์อ้างถึงการซื้อขาย แต่ไม่มีสัญญาที่ทำเป็นหนังสือ ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์

ศาลชั้นต้นฟังว่า การที่โจทก์จัดการแต่งงานให้จำเลยนั้น เป็นลักษณะให้ ไม่ใช่เรื่องตกลงจะซื้อขายที่ดิน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 4596 ตำบลป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เฉพาะส่วนของจำเลยขายให้โจทก์ ถ้าจำเลยไม่จัดการ ก็ให้แจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอ่างทองจัดการโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์โดยถือเอาคำพิพากษานี้เป็นการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยตกลงจะโอนขายที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์ตอบแทนในการที่โจทก์ออกเงินแต่งงานให้จำเลย และวินิจฉัยว่า แม้จะไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ แต่โจทก์ก็ได้ชำระหนี้คือออกเงินแต่งงานให้แก่จำเลยไปตามที่ได้ตกลงกันแล้วฟังได้ว่าเป็นคำมั่นจะขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามที่จำเลยตกลงไว้นั้นได้ พิพากษายืน

Share