แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับ
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อความในบันทึกการจับกุมตามเอกสารหมาย จ.7 และในบันทึกคำให้การของจำเลยทั้งสองชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.9 และ จ.10 ผิดพลาดไปโดยตีความและให้ความหมายนอกเหนือไปจากข้อความที่ปรากฏอยู่ในเอกสารดังกล่าวทั้งหมด ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายและได้ยกขึ้นต่อสู้ในศาลอุทธรณ์มาแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และทนายโจทก์ร่วมได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 103,108)
ระหว่างพิจารณา นางสาวเรณู ลิ้มชื่น ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357,83 จำเลยที่ 2 อายุ 19 ปีรู้ผิดชอบดีแล้วไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปีคำรับในชั้นจับกุมและสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 101)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 103)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า เฉพาะพยานหลักฐานในส่วนข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้ก็ดี และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อนเพราะเอกสารหมาย จ.7(บันทึกการจับกุม) ไม่มีข้อความใดที่ปรากฏอยู่อ้างถึงพฤติการณ์เกี่ยวกับเรื่องรับของโจรก็ดี เป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้วให้ยกคำร้อง