คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4215/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.พ.พ. มาตรา 344 สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความแล้วก็นำมาหักกลบลบหนี้ได้ แต่ในเวลาที่อาจจะหักกลบลบกับสิทธิเรียกร้องอีกฝ่ายได้นั้น สิทธิเรียกร้องฝ่ายตนต้องยังไม่ขาดอายุความ คดีนี้ก่อนหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความ 2 ปี จำเลยยังไม่ได้นำเงินเข้าบัญชี จำเลยเพิ่งนำเงินเข้าฝากเข้าบัญชีหลังจากหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความแล้ว สิทธิเรียกร้องในการหักเงินฝากของจำเลยจึงเพิ่งเกิดขึ้นภายหลังสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความไปแล้ว โจทก์จึงไม่สามารถหักกลบลบหนี้โดยหักเงินฝากของจำเลยมาชำระหนี้บัตรเครดิตได้ เพราะในเวลาที่โจทก์จะหักกลบลบหนี้กับสิทธิเรียกร้องของจำเลยได้นั้น สิทธิเรียกร้องโจทก์ขาดอายุความไปแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 67,085.06 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.75 ต่อปี นับจากวันที่ 17 ธันวาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระหนี้เสร็จสิ้น ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องคิดเป็นเงิน 24,266.41 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 91,351.47 บาท
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 46,672 บาท รวมเป็นเงินที่โจทก์ต้องรับผิดถึงวันฟ้องจำนวน 317,075.67 บาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์คืนเงินจำนวน 63,190.07 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับจากวันที่ 16 ธันวาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์คืนเงินแก่จำเลยอีกจำนวน 207,213.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราเงินฝากประจำตามสิทธิที่จำเลยมีสิทธิได้รับตามข้อตกลง นับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า เงินฝากของจำเลยจำนวน 207,213.60 บาท โจทก์นำมาหักกลบลบหนี้กับหนี้บัตรเครดิตที่ขาดอายุความแล้วได้หรือไม่ เห็นว่า ก่อนหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความ 2 ปี จำเลยยังไม่ได้นำเงินเข้าฝากในบัญชีเลขที่ 071 – 3 – 05916 – 1/01 จำเลยเพิ่งนำเงินเข้าฝากในวันที่ 22 กันยายน 2542 ภายหลังหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความแล้ว ดังนั้น หากจำเลยนำเงินเข้าฝากในบัญชีดังกล่าวก่อนหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความ และต่อมาโจทก์หักบัญชีเงินฝากชำระหนี้บัตรเครดิตภายหลังหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความ คดีจึงต้องด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 ซึ่งบัญญัติให้โจทก์หักกลบลบหนี้ได้ แม้คดีขาดอายุความ แต่หากขณะหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความ จำเลยยังไม่นำเงินฝากในบัญชี กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะหักกลบลบหนี้ได้ ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว กรณีนี้เทียบได้กับอย่างหลัง ดังนั้น ที่โจทก์หักบัญชีเงินฝากจำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตภายหลังหนี้บัตรเครดิตขาดอายุความ โดยก่อนหน้านั้นจำเลยยังไม่ได้นำเงินเข้าฝากในบัญชีกับโจทก์ จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 ดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 14,000 บาท

Share