คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4211/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจ้างข้อ 5 กำหนดเงินเดือนโจทก์ไว้เป็นจำนวนแน่นอนข้อ6 กำหนดเงื่อนไขว่าโจทก์จะต้องทำผลงานขั้นต่ำขายเครื่องรับโทรทัศน์ให้ได้ 5 เครื่องต่อเดือน และข้อ 9 กำหนดว่าถ้าไม่สามารถทำผลงานได้ตามเงื่อนไขสัญญาจ้างถือเป็นการยกเลิกโดยอัตโนมัติ ดังนี้แม้สัญญาข้อ 6 จะมีเงื่อนไขการทำผลงานไว้แต่ก็มิได้กำหนดว่าหากเดือนใดโจทก์ทำไม่ได้ตามเงื่อนไข จำเลยจะไม่จ่ายเงินเดือนสำหรับเดือนนั้นแก่โจทก์ส่วนความในข้อ 9 นั้น มีผลเป็นการเลิกจ้างโจทก์เท่านั้น มิได้หมายความว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือน ฉะนั้นแม้โจทก์ทำผลงานไม่ได้ตามสัญญา จำเลยก็ยังต้องจ่ายเงินเดือนแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างชั่วคราว ค่าจ้างเดือนละ 8,000 บาทต่อมาโจทก์ลาออกโดยไม่มีความผิด จำเลยยังค้างค่าจ้างโจทก์อีก 1 เดือน ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้าง 8,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า เหตุที่จำเลยไม่จ่ายค่าจ้างแก่โจทก์เนื่องจากโจทก์จำเลยมีสัญญาตกลงกันว่าโจทก์จะต้องขายสินค้าให้ได้อย่างต่ำ 5 เครื่อง จำเลยจึงจะจ่ายค่าจ้างแต่โจทก์ขายได้ไม่ถึงกำหนด จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง ขอให้ยกฟ้อง

วันนัดพิจารณาโจทก์รับว่าเดือนมิถุนายนโจทก์ขายเครื่องรับโทรทัศน์ได้เพียงเครื่องเดียว แต่โจทก์มีสิทธิได้รับเงินเดือนตามสัญญาเอกสารท้ายคำให้การ ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งให้งดสืบพยาน

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้าง 8,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าที่จำเลยอุทธรณ์ว่าตามเงื่อนไขในสัญญา โจทก์ไม่สามารถขายได้จำนวน 5 เครื่องในรอบหนึ่งเดือน โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนนั้นเห็นว่า สัญญาดังกล่าวข้อ 5 ได้กำหนดเงินเดือนของโจทก์ไว้แน่นอนคือเดือนละ 8,000 บาท แม้สัญญาดังกล่าวข้อ 6 จะกำหนดเงื่อนไขว่าโจทก์จะต้องทำผลงานขั้นต่ำให้ได้ 5 เครื่องต่อเดือน ซึ่งหมายความว่าจะต้อขายให้ได้อย่างน้อย 5 เครื่องต่อเดือนก็ตาม แต่มิได้มีข้อกำหนดว่าหากเดือนใดโจทก์ขายได้ไม่ถึง 5 เครื่อง จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินเดือนสำหรับเดือนนั้นให้แก่โจทก์ ส่วนสัญญาข้อ 9 ที่กำหนดว่า ถ้าไม่สามารถทำผลงานได้ตามเงื่อนไข สัญญาว่าจ้างนี้ถือเป็นการยกเลิกโดยอัตโนมัตินั้น มีความหมายว่าถ้าโจทก์ไม่สามารถทำผลงานขั้นต่ำให้ได้ 5 เครื่องต่อเดือนแล้ว สัญญาว่าจ้างนี้เป็นอันยกเลิก ซึ่งมีผลเป็นการเลิกจ้างโจทก์เท่านั้น หาได้หมายความว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือน ดังนั้น จำเลยจึงต้องจ่ายเงินเดือนตามฟ้องให้แก่โจทก์ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์เป็นข้อสุดท้ายว่าวันนัดพิจารณาจำเลยได้เตรียมพยานบุคคลและพยานเอสการมาเพื่อสืบให้เห็นว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้าง ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างการที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย จึงเป็นการไม่ชอบขอ ให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำฟ้อง คำให้การและที่คู่ความแถลงรับกันเพียงอันที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นแล้วศาลย่อมมีอำนาจสั่งงดสืบพยานต่อได้และคดีนี้ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การเอกสารท้ายคำให้การ และที่โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันพอที่จะนำมาวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้แล้ว ไม่จำต้องสืบพยานเพื่อฟังข้อเท็จจริงอื่นต่อไป การที่ศาลแรงงานกลางสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share