คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในชั้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่อ้างว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมแล้วนั้น ไม่ใช่การสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทกันตามคำฟ้องและคำให้การ จึงไม่ตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขุดเอาเนื้อดินในที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ไปถมที่จัดสรรของจำเลย จำเลยไม่ทำคันบ่อที่ติดกับที่ดินโจทก์ให้แน่นหนาเป็นเหตุให้น้ำฝนซึ่งตกหนักไหลหลากดันคันดินของจำเลยพังน้ำพัดพาเอาดินในที่นาโจทก์ไหลลงสู่บ่อจำเลยคิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 1,800 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงิน 216,000 บาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยขุดดินในที่ดินดังกล่าวไปถมที่จัดสรร โจทก์กับพวกทำลายคันดินทำนบขอบบ่อทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย300,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยไม่เป็นความจริง
โจทก์จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความกันได้โดยจำเลยตกลงจะถมดินในที่ดินของโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด
ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับแก่จำเลยอ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อบังคับตามคำพิพากษา
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยถมดินในที่โจทก์เรียบร้อยตามสัญญาแล้ว ที่ดินที่เสียหายตามฟ้องเป็นที่ดินด้านทิศเหนือ แต่ที่ดินที่เสียหายใหม่เป็นที่ดินด้านทิศตะวันตก เป็นเหตุที่เกิดขึ้นใหม่ไม่ใช่เหตุตามฟ้องเดิมขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยยังถมดินให้โจทก์ไม่ครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เป็นการผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิขอให้บังคับคดีได้มีคำสั่งให้โจทก์ดำเนินการบังคับคดีต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ที่จำเลยฎีกาข้อต่อไปว่า โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88ศาลรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ไม่ชอบ การเผชิญสืบจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ในชั้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่อ้างว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมแล้วนั้น เป็นการไต่สวนเพื่อให้ทราบว่าจำเลยปฏิบัติผิดข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้ต่อศาลหรือไม่ไม่ใช่การสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทกันตามคำฟ้องและคำให้การ จึงไม่ตกอยู่ในบังคับที่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันไต่สวนไม่น้อยกว่า 3วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก…’
พิพากษายืน.

Share