แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อความด้านหลังเช็คที่ระบุว่า “เช็คฉบับนี้ให้ไว้เพื่อประกันหนี้” ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยเขียนข้อความขึ้นเองฝ่ายเดียวโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงด้วย ทั้งเป็นข้อความที่ไม่มีบทบัญญัติใดใน ป.พ.พ. ลักษณะตั๋วเงินบัญญัติให้เขียนลงได้ในตั๋วเงิน การเขียนข้อความเช่นนี้ย่อมไม่มีผลใดๆ แก่ตั๋วเงินตาม ป.พ.พ. มาตรา 899 การที่พนักงานของโจทก์ไม่นำมาเป็นเหตุโต้แย้งย่อมไม่เป็นพิรุธ เพราะข้อความดังกล่าวไม่มีผลต่อความสมบูรณ์ของเช็คพิพาทแต่ประการใด โจทก์ไม่จำต้องทำตามข้อห้ามที่ด้านหลังเช็คพิพาท ประกอบกับไม่ปรากฏรายละเอียดว่าจำเลยทั้งสองจะใช้หนี้โจทก์ด้วยวิธีใดอีก และจะใช้หนี้ให้เสร็จเมื่อใด ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่าจำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทโดยวัตถุประสงค์เพื่อประกันหนี้ฟังไม่ขึ้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และนับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ 686/2547
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 10,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 686/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสอง การสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์ของจำเลยทั้งสองเป็นการสั่งจ่ายเพื่อค้ำประกันหนี้ มิใช่เพื่อชำระหนี้จริงหรือไม่ โจทก์มีนางอัญชลี ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานบัญชีเป็นพยานเบิกความว่า ก่อนที่เช็คพิพาทจะถึงกำหนดสั่งจ่ายเงินในวันที่ 10 มีนาคม 2546 พนักงานของจำเลยที่ 1 โทรศัพท์มาขอให้พยานนำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินในวันที่ 25 เมษายน 2546 แทนโดยอ้างว่าในวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดสั่งจ่ายเงิน จำเลยทั้งสองยังไม่มีเงินในบัญชีพอจะชำระหนี้ตามเช็คได้ ซึ่งถ้าเป็นเช็คค้ำประกัน พนักงานของฝ่ายจำเลยก็ไม่ต้องขอให้นางอัญชลีเลื่อนการนำเช็คพิพาทไปขึ้นเงิน ดังนั้น ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ก่อนเช็คพิพาทถึงกำหนดชำระเงิน จำเลยที่ 2 ติดต่อไปยังฝ่ายโจทก์แจ้งว่าอย่าเพิ่งนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงิน แต่ให้นำเช็คดังกล่าวมาเปลี่ยนเช็คฉบับใหม่ แต่โจทก์ไม่ได้ดำเนินการนั้นจึงขัดต่อเหตุผล อีกทั้งเมื่อพิจารณาจำนวนเงินที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาทก็ตรงกับยอดหนี้ที่คงค้างอยู่จริง ซึ่งหักเอาเงิน 20,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์ออกแล้ว ส่วนข้อความด้านหลังเช็คที่ระบุว่า “เช็คฉบับนี้ให้ไว้เพื่อประกันหนี้” และที่จำเลยทั้งสองฎีกาอ้างว่า โจทก์โดยพนักงานของโจทก์ย่อมเห็นข้อความดังกล่าวแต่ก็รับไว้โดยไม่โต้แย้งหรืออิดเอื้อนนั้น ก็ปรากฏว่าฝ่ายจำเลยเขียนข้อความดังกล่าวขึ้นเองฝ่ายเดียวโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงด้วย ทั้งยังเป็นข้อความที่ไม่มีบทบัญญัติใดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะตั๋วเงินบัญญัติให้เขียนลงได้ในตั๋วเงิน การเขียนข้อความดังกล่าวเช่นนี้ย่อมไม่มีผลใดๆ แก่ตั๋วเงินนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 899 การที่พนักงานของโจทก์ไม่นำมาเป็นเหตุโต้แย้ง ย่อมไม่เป็นพิรุธ เพราะข้อความดังกล่าวไม่มีผลต่อความสมบูรณ์ของเช็คพิพาทแต่ประการใด โจทก์จึงไม่จำต้องทำตามข้อห้ามที่ด้านหลังเช็คพิพาท ประกอบกับไม่ปรากฏรายละเอียดว่า จำเลยทั้งสองจะใช้หนี้โจทก์ด้วยวิธีใดอีก และจะใช้หนี้ให้เสร็จเมื่อใด ส่วนที่จำเลยทั้งสองอ้างคำพิพากษาของศาลฎีกามาในฎีกาของจำเลยทั้งสองด้วยนั้นก็ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า จำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทโดยวัตถุประสงค์เพื่อประกันหนี้จึงฟังไม่ขึ้นพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้ โจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายชอบที่จะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินได้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิด ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนที่จำเลยอ้างในฎีกาว่า ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 686/2547 ของศาลชั้นต้นที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ โจทก์ร่วมได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์แล้วก็ปรากฏว่าคดีดังกล่าวโจทก์ร่วมได้ขอถอนคำร้องทุกข์จริง สิทธิในการดำเนินคดีอาญาระงับสิ้นไปแล้ว จึงไม่อาจนับโทษจำเลยที่ 2 คดีนี้ต่อจากโทษในคดีดังกล่าวได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 686/2547 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์